วิสามัญชายคลั่งบุกโรงพัก ถือท่อนเหล็กไล่ตีตำรวจ-ทุบรถ พ่อโวยทำเกินกว่าเหตุ ลูกไม่ได้มีอาวุธสงครามร้ายแรง ทำไมต้องยิง

(7 ก.ย.65) เมื่อเวลา 17.00 น. พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี เดินทางไปตรวจสอบเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ต้องใช้ปืนยิงวิสามัญนายปัทวิน อายุ 33 ปี ชายคลุ้มคลั่ง ซึ่งไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลน้ำยืน หลังจากที่นายปัทวินขับรถยนต์มาที่บริเวณหน้าเสาธง สภ.น้ำยืน จุดประทัดยักษ์โยนใส่ตำรวจ 3 นัด เสียงดังสนั่น สิบเวรได้วิ่งลงมาดู ผู้ก่อเหตุก็เปิดประตูรถยนต์เอาไม้เบสบอลที่ทำด้วยเหล็กลงมา ชี้ไปที่ตำรวจพร้อมตะโกนว่ามึงหมอบลงและก็วิ่งไปทุบกระจกรถตำรวจที่จอดอยู่ได้รับความเสียหาย และรถที่จอดอยู่ได้รับความเสียหายอีกหลายคัน

จากนั้นได้ถือท่อนเหล็กไล่ตีตำรวจที่เข้ามาระงับเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่แล้วแต่ชายคนดังกล่าวก็ยังไม่ยอมหยุด ประกอบกับผู้ก่อเหตุถือท่อนเหล็ก อาละวาดอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงถูกที่บริเวณหน้าท้อง 1 นัด ขา 1 นัด ผู้ก่อเหตุจึงสงบอาการคลั่งลงและถูกนำส่งโรงพยาบาลน้ำยืนและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันเป็นการป้องกันตัว

ตรวจสอบประวัติพบเคยเข้าทำการักษาอาการทางประสาทที่โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ ก่อนเกิดเหตุเดินทางกลับมาจากทำงานที่จังหวัดระยอง คาดว่าอาการทางประสาทกำเริบ จึงมาก่อเหตุดังกล่าว 

ล่าสุดวันนี้ (8 ก.ย.65) ที่กลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำยืน ได้ส่งศพ นายปัทวิน อายุ 33 ปี ที่ถูกตำรวจตำรวจ สภ.น้ำยืน วิสามัญ หลังจากเกิดอาการคุ้มคลั่งมาทำการผ่าชันสูตรโดยมีญาติเดินทางมาติดตามและรอรับศพกลับ

นายมั่น พ่อนายปัทวิน กล่าวว่าอยากได้รับความเป็นธรรมให้กับลูกชายด้วยที่สูญเสียลูกชายไป ยังไงก็จะต้องสู้คดี เนื่องจากตำรวจทำเกิดกว่าเหตุ ติดใจที่ว่าลูกชายไม่มีอาวุธปืนแต่อย่างใด มีแต่ไม้เบสบอลที่เป็นท่อนเหล็กที่ทุบทำลายรถยนต์ แต่ตำรวจได้ใช้ปืนยิงสกัดไว้ก่อน ยิงขา 2 นัด อีก 1 นัดถูกบริเวณหน้าท้อง รวม 3 นัด ไปดูลูกที่โรงพยาบาลก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว อยากให้ตำรวจมาดูแลรับผิดชอบด้วย คนเสียชีวิตทั้งคน รู้สึกเสียใจมาก อยากขอความเป็นธรรม ใครก็ได้ที่จะช่วยได้ ติดใจสาเหตุการตายของลูกชาย ไม่น่าจะเอาปืนยิงลูก เพราะว่าลูกไม่มีอาวุธสงคราม ไม่มีอาวุธปืน มีแค่ท่อนเหล็กเบสบอล ไม่น่าจะเอาปืนมายิงกันไปฆ่ากัน เจ้าหน้าที่ตำรวจพึ่งพาไม่ได้เลย

ก่อนเกิดเหตุลูกชายไม่ได้กินยา ยังปกติดีๆ อยู่ เคยรักษาอาการทางประสาท ทางโรงพยาบาลก็บอกว่าหายขาดแล้ว จนได้ไปทำงานที่จังหวัดระยอง ส่วนสาเหตุที่ไปก่อเหตุนั้นตนเองไม่รู้เรื่อง ก่อนหน้านี้ลูกเคยไปลักรถจักรยานยนต์ของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์  เจ้าของร้านได้แจ้งตำรวจมาจับโดนตำรวจซ้อม  ตอนนั้นกำลังเริ่มป่วยประมาณ 10 กว่าปีมาแล้ว

ด้านนางสาวอัญชลี น้องสาวผู้ตายกล่าวว่า พี่ชายทำงานอยู่ที่โรงงาน จ.ระยอง เป็นคนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครชอบอยู่คนเดียว วันที่กลับมาบ้านก็ไม่มีใครรู้ เราก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้พ่อ แม่ ที่บ้านก็เป็นเสาหลักของพ่อ แม่ ไม่รู้ว่ามีอาการกำเริบหรือเปล่า ทางบ้านก็ไม่รู้ มารู้ตอนเกิดเหตุแล้ว อยากจะดูกล้องวงจรปิดของ สภ.น้ำยืน ตอนเกิดเหตุ ทำไมกล้องวงจรถึงพังตอนนี้

รายงานข่าวแจ้งว่าขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำยืน ส่วนใหญ่เดินทางมาเตะและเชียร์ฟุตบอลอยู่ที่ในตัวเมือง หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่มากอาจจะใช้ยุทธวิธีไม้ง่ามสยบอาการคุ้มคลั่งได้ แต่มีเจ้าหน้าที่น้อยจึงต้องใช้ปืนยิง