“วิษณุ” ไม่พูดแล้ว เรื่อง “พิธา” ถือหุ้นสื่อ ทำเลือกตั้งโมฆะทั้งประเทศ ขออย่าขยายความต่อ หวั่นไม่เป็นธรรมต่อพรรรคก้าวไกล ยันไม่มีเจตนาชี้นำ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ระบุ กรณีการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าอาจมีการเลือกตั้งใหม่ หากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลถูกศาลวินิจฉัยเรื่องขาดคุณสมบัติจากกรณีถือครองถือหุ้นไอทีวี ทำให้ขัดกับคุณสมบัติการเป็น ส.ส. จะกระทบกับการเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงการรับรองผู้สมัครส.ส.ของพรรคก้าวไกล อาจส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ตอบอะไรแล้ว ที่ตอบวันก่อนก็เพราะว่ามีคนถาม เมื่ออยากรู้ ก็ให้ความรู้และก็ควรจะจบได้แค่นั้น ถ้าขยายความต่อไป

คิดว่าไม่เป็นธรรมต่อพรรรคก้าวไกลที่กำลังดำเนินการไปในแนวทางที่ควรจะทำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอย่าไปทำอันไหนให้กระบวนการของเขาสะดุด ถ้าพูดมากกว่านี้ไปก็แปลว่าตั้งใจ ให้เขาสะดุด เมื่อไม่ได้ตั้งใจ ก็อย่าไปพูดอะไรอีก เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวเป็นแนวทางกฎหมายที่ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ขอให้ช่วยไปถามคนอื่น

ส่วนเจตนารมณ์ในการออกมาระบุว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของนายพิธา อาจทำให้การเลือกตั้งทั้งประเทศเป็นโมฆะนั้น เป็นเช่นไรนายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีเจตนารมณ์อะไร เป็นเพียงเจตนารมณ์ที่สื่อฯถามตนก็เลยตอบ และเวลาไปออกข่าวก็ไม่ได้มีการนำเสนอคำถาม เพราะว่าเมื่อตอบไปก็มีผู้สื่อข่าวได้แย้งว่า มันจะเป็นไปได้หรือ?เป็นไปไม่ได้ ตนก็เลยบอกว่าเคยมีเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปเปรียบเทียบ และความจริงมันเปรียบเทียบกันไม่ได้เนื่องจากเป็นคนละกรณีกัน

ทั้งนี้ หากเป็นเหตุตามที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นคำร้องต่อ กกต. กรณีการถือหุ้น itv จะมีการเลือกตั้งซ่อมทั้งประเทศ หรือเฉพาะในสัดส่วนของพรรคก้าวไกลนายวิษณุ ระบุว่าไม่ตอบแล้วล่ะครับ และย้ำอีกครั้งว่าไม่ตอบ ถามเรื่องอื่นตนจะตอบ แต่เรื่องนี้ไม่ขอตอบแล้ว

ส่วนกรณีที่ นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาให้ความเห็นถึงการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ มีแนวโน้มความเป็นไปได้หรือไม่ว่า ตนเองไม่ทราบไม่รู้เรื่อง ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า คำนี้หมายถึงอะไร เพราะว่าประเทศไทยไม่เคยมี แต่ต่างประเทศเขาเคยมี

เมื่อถามว่าเมื่อเกิดปัญหาทางการเมือง มักจะมีคำว่ารัฐบาลแห่งชาติเกิดขึ้น นายวิษณุ ระบุว่า ก็เป็นธรรมดา เมื่อตกอยู่ในเหตุเหมือนจมน้ำ หรือเกิดไฟไหม้ หรือเกิดตึกถล่มก็ดี มีอะไรคว้าได้ก็ต้องคว้า คิดอะไรออกก็คิด ก็ไม่แปลกที่จะคิด แล้วก็เสนอความคิดออกมา แต่หากสังคมไม่ยอมรับก็ควรจะหยุดคิด และเมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเปิดช่องให้มีรัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ นายวิษณุ ก็ระบุ ไม่ทราบต้องไปถามนายจเด็จเป็นคนตอบ

นายวิษณุ ยังกล่าวถึงข้อเสนอของนายจเด็จ ที่จะให้ยกเว้นการบังคับใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราเพื่อเกิดรัฐบาลแห่งชาติ ว่าทำไม่ได้ ยกเว้นไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญมี 200 กว่ามาตรา จะไปยกเว้นได้อย่างไรแต่สมัยที่พระยามโนปกรณนิติธาดา ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีท่านเคยยกเว้น แต่นั่นคือการยึดอำนาจ

เมื่อถามว่า การจะมีรัฐบาลแห่งชาติสถานการณ์ควรอยู่ในระดับใด นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ขอตอบ ช่วยไปถามคนอื่นก็แล้วกัน ถ้าตนตอบ ตนก็เหมือนไปรับลูกนายจเด็ด อีกคนหนึ่งเป็นปี่ อีกคนหนึ่งเป็นขลุ่ยตนไม่ควรตอบอะไรแล้ว ส่วนกระแสกดดันให้ส.ว.โหวตเลือกนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี หน้าที่ของส.ว.ต้องโหวตตามเสียงข้างมาก หรือทำตามที่มาของเจตนารมณ์การเป็นส.ว. นายวิษณุ ก็ไม่ขอตอบ แต่ระบุไม่ว่าจะเป็นส.ส.หรือ ส.ว.พรรคไม่สามารถบังคับให้โหวตได้ เนื่องจากมีอิสระตามที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ แต่เรื่องอื่นต้องโหวตตามพรรค และในเรื่องไหนบ้างที่โหวตตามใจ

เมื่อถามย้ำว่าที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลพยายามออกมาเรียกร้องให้ส.ส.ที่ต้องการตัดอำนาจส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี สามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุ ระบุ ไม่ทราบ แต่เมื่อสมัยการเลือกตั้งปี 2562ตอนที่มีการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีส.ส.จากพรรคภูมิใจไทย ไม่โหวตเลือก ก็ไม่เป็นไร ใครทำอะไรเขาก็ไม่ได้ และเมื่อถามย้ำว่ากระแส ก็ส่วนหนึ่งหลักการก็ส่วนหนึ่งใช่หรือไม่ นายวิษณุ ระบุตนไม่ทราบ ตรงนี้แต่ละคนมีความรู้ มีหัวใจ คิดกันเองแล้วกัน