มรภ.หมู่บ้านจอมบึง ยัน “ส.ต.ท.หญิง” เรียนไม่จบ เพราะไม่เข้าเรียน ส่วน “อดีตทหารหญิง” จบปริญญาโท ปี 2562 

(1 ก.ย.65) ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคารอำนวยการ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ผู้ช่วยศาสตราจารย์อรรถพล อุสายพันธ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ เป็นผู้แทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง ได้เปิดเผยข้อมูลอีกด้านของ นางสาวเอ อดีต ทหารหญิงคนใช้ ยศ ส.ท. คู่กรณี กับ ส.ต.ท.(หญิง) กรศศิร์ หรือ “เจ๊นุช” ที่ตกเป็นผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย นางสาวเอ จนถูกดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์ ทำให้ต้องถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลาง จ.ราชบุรี เมื่อที่ 23 ส.ค.65 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้าได้มีการขุดคุ้ยข้อมูลในประเด็นเรื่องสถานะการจบการศึกษา จนมีภาพปรากฏมีภาพของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ใส่ชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

ทาง กัน จอมพลัง และ อดีตทหารหญิง ผู้เสียหาย ได้มีการกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ทำให้มีการพุ่งประเด็นในเรื่องของการเรียนแทน และซื้อใบจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก

ซึ่งทางมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลการศึกษา ของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ และยอมรับว่าอดีตเคยเป็นนักศึกษาของทางมหาวิทยาลัยจริง ซึ่งมีการลงทะเบียนเรียนจริง เมื่อปี 2560 ภาคเรียนที่ 1 และ ภาคเรียนที่ 2 ก่อนจะขาดเรียนในภาคเรียนที่ 3 และถูกพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาในปี 2561 มีการสิ้นสภาพจากการเป็นนักศึกษา โดยไม่มีการจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง ราชบุรี ตามที่ได้มีการถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใด ส่วนชุดที่สวมถ่ายภาพเข็มและหัวเข็มขัดเป็นของมหาวิทยาลัยจริง แต่ชุดครุยตามในภาพไม่ใช่ของมหาวิทยาลัยฯ

ผศ.อรรถพล จึงได้เปิดเผยข้อมูล กับทางสื่อมวลชนต่อว่า หลังจากที่สื่อมวลชนสอบถามถึงข้อมูลที่ทราบว่า นางสาวเอ อดีตทหารรับใช้ ได้ให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่าจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงเช่นกัน แต่ เป็นการจบที่สูงกว่า ทางมหาวิทยาลัยจึงได้ตรวจสอบตามรายชื่อ ของนางสาวเอ เป็นนักศึกษาของทางมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน และจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจริง แต่จบกันคนละแบบ

นางสาวเอ ผู้เสียหายได้มาสมัครเรียนในระดับ “ปริญญาโท” ปีการศึกษา 2558 สาขาสังคมศาสตร์ เพื่อการพัฒนา โดยใช้วุฒิปริญญาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มาสมัครเรียน และ ได้เรียนจนจบระดับปริญญาโท ในสาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา ในปี พ.ศ.2562 เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของทางมหาวิทยาลัยอย่างถูกต้อง

แต่มีข้อมูลที่น่าสนใจคือ ในระหว่างที่ นางสาวเอ เรียนระดับปริญญาโทนั้น ได้เข้ามาสมัครเรียนในระดับปริญญาตรี ในภาคเรียนที่ 1/2561 ในสาขานิติศาสตร์ ซึ่งเป็นการสมัครในรอบเดียวกับทาง ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ด้วย แต่ว่า นางสาวเอ ไม่ได้มาเรียนในสาขาดังกล่าวเลย จึงทำให้ไม่มีผลการเรียนเลย ทำให้นางสาวเอ ผู้เสียหายที่มาสมัครเรียนในระดับปริญญาตรี ควบคู่ไปกับปริญญาโท ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 สาขานิติศาสตร์ ไม่มีเกรด ถือว่าขาดจากการเป็นนักศึกษาในระดับปริญญาตรี แต่จบในระดับปริญญาโท สาขาสังคมศาสตร์ เพื่อการพัฒนาของมหาวิทยาลัยราชภัฎ ในปี พ.ศ.2562

ส่วน วุฒิการศึกษาระดับ “ปริญญาตรี” ที่สมัครเรียนสาขานิติศาสตร์ ถือว่าพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปแล้ว จึงไม่จบปริญญาตรีของทางมหาวิทยาลัย ส่วนสาขานักจิตวิทยาที่ได้มีข่าวออกมานั้น ไม่ได้มาเรียน และสาขาจิตวิทยาในปริญญาโทของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ก็ไม่ได้เปิดตามที่มีข่าวลือกันออกมา แต่สำหรับวุฒิปริญญาตรีเดิมของ นางสาวเอ ผู้เสียหายนั้นเป็น วุฒิการศึกษาระดะบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยบริหารธุรกิจบัณฑิตย์