คนไข้เมาอาละวาด เตะถีบเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน รพ. หวิดเสยคาง ดีที่หลบทัน ล่าสุดแจ้งความดำเนินคดีเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง

(7 ก.ย.65) เจ้าหน้าที่เวรเปล ของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้นำคลิปโพสต์ลงในเพจเฟซบุ๊ก “ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลมหาราช” เป็นเหตุการณ์ผู้ป่วยชายรายหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเปลที่เจ้าหน้าที่นำมาเพื่อรอการรักษา แต่ชายคนดังกล่าวได้แสดงอาการคลุ้มคลั่ง อาละวาด ด่าทอเจ้าหน้าที่ และยกเท้าถีบ เตะก้านคอเจ้าหน้าที่ จนเกิดความวุ่นวาย สร้างความตื่นตกใจให้กับแพทย์และพยาบาล รวมถึงคนไข้รายอื่นเป็นอย่างมาก โดยระบุว่าเหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 6 ก.ย.65 ที่ผ่านมา ภายในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

พร้อมระบุข้อความว่า “พวกเราอยู่ด่านหน้า ต้องเจอคนไข้ทุกรูปแบบ หากคนไข้พกมีดพกปืน คงไม่รอด เคสนี้คนไข้เมาแล้วประสบอุบัติเหตุ แต่มาโวยวายที่ รพ.โชคดีที่เจ้าหน้าที่หลบทัน ไม่งั้นโดนเสยคาง พวกเราต้องอดทนอดกลั้นตลอดเวลา ในภาวะความกดดันทุกรูปแบบ…” #สงสารพวกเราหน่อย #เห็นใจพวกเราด้วย #ทั้งช่วยและพยุงชีวิตให้กลับมาปกติ” โดยภายหลังจากที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ได้มีชาวโซเชียลส่งข้อความไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กันเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายธีรภัทร ตั้งมั่น หนึ่งในเจ้าหน้าที่เวรเปลหน้าห้องฉุกเฉิน รพ.มหาราชนครราชสีมา ที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้รับการเปิดเผยว่า คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 6 ก.ย. 65 เวลาประมาณ 02.00 น. ซึ่งมีรถเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำผู้ป่วยรายนี้มาส่งที่โรงพยาบาล โดยผู้ป่วยเป็นชายอายุประมาณ 40-45 ปี ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตกและเป็นแผลตามร่างกายไม่ถึงกับสาหัส เจ้าหน้าที่จึงได้นำขึ้นเปลมาที่ห้องฉุกเฉิน ระหว่างที่รอรับการรักษา คนไข้ดังกล่าวก็ได้เกิดอาการคลุ้มคลั่ง เอะอะโวยวาย ด่าทอเจ้าหน้าที่ด้วยคำหยาบต่างๆ นานา พอเจ้าหน้าที่เข้าไปดูอาการก็ได้พยายามใช้เท้าถีบ เตะใส่เจ้าหน้าที่อย่างแรง

ซึ่งคนไข้แสดงอาการเช่นนี้อยู่นานกว่า 10 นาที ทำให้แพทย์ พยาบาล และผู้ป่วยรายอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้นแต่ตื่นกันไปหมด ต่อมาแพทย์ได้เข้ามาพูดจาเกลี้ยกล่อม จนสงบสติอารมณ์ได้ในที่สุด จากนั้นแพทย์ได้ทำการรักษาคนไข้รายนี้ และอนุญาตให้กลับบ้านได้ เนื่องจากไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ถึงอย่างไรก็ตามภายหลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้เข้าไปแจ้งความกับตำรวจไว้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับคนไข้รายนี้แล้ว เพื่อไม่ให้คนไข้รายอื่นนำไปเป็นเยี่ยงอย่าง และเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับเจ้าหน้าที่ต่อไปในอนาคตด้วย