ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) 2022 ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Open. Connect. Balance.” (เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล) ดังนั้นสิ่งที่บรรดาผู้นำของเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปคหารือกัน จึงมีการคาดการณ์ไว้ว่าจะไม่หนีไปจากหัวข้อดังกล่าวด้วย

จึงชวนมาส่องกำหนดการของบรรดาผู้นำเอเปคว่าจะพูดคุยกันเรื่องอะไร เมื่อไหร่ และพบปะใครบ้าง

กำหนดการประชุมสุดยอดเอเปค

  •   18 พ.ย.

    • 09.15-11.00 น. ประชุมผู้นำเอเปค ช่วงที่ 1 เรื่องการเติบโตอย่างสมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน
    • 11.15-12.30 น. หารือระหว่างผู้นำและแขกพิเศษ (กัมพูชา, ซาอุดีอาระเบีย, ฝรั่งเศส)
    • 13.00-14.30 น. งานเลี้ยงอาหารกลางวัน
    • 14.45-15.45 น. หารือระหว่างผู้นำและสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC)
    • 17.30 น. ผู้นำเอเปค คู่สมรส และแขกพิเศษ พบปะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี ณ พระที่นั่งจักรมหาปราสาท
  •   19 พ.ย.

    • 09.00-11.00 น. ประชุมผู้นำเอเปคช่วงที่ 2
    • 11.30 น. นายกรัฐมนตรีแถลงข่าว
    • หลังประชุมเสร็จ
      • นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน
      • นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ

น่าสังเกตว่าการประชุมสุดยอดเอเปคครั้งนี้เกิดขึ้นหลังยุคการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ความต้องการสินค้าต่างๆ ทั่วโลกเพิ่มกระฉูดขึ้น จนขาดแคลน ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ปัญหานี้ยังถูกซ้ำเติมจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ของหลายประเทศ โดยเฉพาะ สงครามรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาอาหารและพลังงานดีดตัว

หลายฝ่ายจึงคาดหวังว่าเวทีนี้ ที่เน้นเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก จะมีการพูดคุยเรื่องความพยายามในการฟื้นเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจกลุ่มเอเปค และการพัฒนาไปสู่ความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม การที่ผู้นำประเทศใหญ่หลายประเทศ โดยเฉพาะ รัสเซีย และสหรัฐ ไม่ได้เดินทางมาด้วยตัวเองนั้น ทำให้เอเปคไม่ได้เป็นเวทีในการพูดคุยเพื่อหาทางออกต่อปัญหาความขัดแย้ง

เทียบ G20

ต่างจากการประชุมกลุ่ม 20 ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ (จี20) ที่จัดขึ้นก่อนหน้าเพียงไม่กี่วันที่ จ.บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย การประชุมสุดยอดดังกล่าว นอกจากนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ จะมาร่วมแล้ว นายไบเดน ยังหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เป็นเวลาถึง 3 ชั่วโมงด้วย

สำนักประธานาธิบดีสหรัฐ ระบุว่า ผู้นำทั้ง 2 รายนี้ พูดคุยอย่างตรงไปตรงมาถึงความสำคัญและความตั้งใจที่จะจัดการปัญหาต่างๆ ซึ่งมีเรื่องไต้หวัน, สงครามรัสเซียยูเครน, ภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ และเกาหลีเหนือ

“นายไบเดนและนายสีต่างย้ำถึงความตกลงว่าสงครามนิวเคลียร์ไม่ควรเกิดขึ้นและไม่ควรใช้มาเอาชนะกัน ทั้งยังเน้นจุดยืนนี้ต่อการใช้หหรือขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน”