“แอม” ยอมรับให้ไซยาไนด์กับ “ก้อย” แบบผง แต่ไม่ได้สารภาพว่าฆ่า พ้อทนายทิ้งไปแล้ว ตำรวจบอกให้ตั้งสติ เดี๋ยวมาสอบใหม่

(15 พ.ค.66) พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าสอบปากคำนางสาวสรารัตน์ หรือแอม ไซยาไนด์ ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 14 คดีและพยายามฆ่าผู้อื่นอีก 1 คดี รวม 15 คดี ภายในทัณฑสถานหญิงกลาง โดยเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีได้เข้าไปสอบสวนนางสาวสรารัตน์ เป็นครั้งที่ 3

ซึ่งการที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เข้าปากคำในครั้งนี้ ได้เชิญตัว พันตำรวจโทวิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีของนางสาวแอม มาร่วมสอบสวนที่ทัณฑสถานหญิงกลางด้วย

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เปิดเผยภายหลังการสอบปากคำนานกว่า 1ชั่วโมง30นาที ว่า ในวันนี้นางสาวแอม ได้ยื่นหนังสือผ่านกรมราชทัณฑ์ว่าต้องการที่จะพบตนเองเพื่อรับสารภาพเพิ่มเติมในหลายประเด็น แต่จากการสอบปากคำยังไม่มีการรับสารภาพว่าเป็นผู้ฆ่าทั้ง 14 ศพ แต่รับสารภาพเพิ่มเติมว่าได้นำเสนอยาไซยาไนด์ให้กับนางสาวก้อย ในลักษณะผง บรรจุในซิปล็อก เพื่อให้นำไปทดลองผสมใช้กับยาเสพติด โดยอ้างว่าให้ใช้ในปริมาณเล็กน้อย และยกตัวอย่างว่านายแด้ได้นำไซยาไนด์ใช้กับสารเสพติดเช่นเดียวกันเพื่อใช้เสพ และอ้างว่าไซยาไนด์ดังกล่าวก็นำมาจากนายแด้ด้วย

ทั้งนี้เป็นเพียงการยอมรับว่าให้ไปทดลองใช้กับยาเสพติด แต่ไม่ได้รับสารภาพว่าให้กินหรือให้ดื่ม ซึ่งตนเองก็ไม่เชื่อคำให้การของผู้ต้องหาทั้งหมด แต่การรับสารภาพว่านำไซยาไนด์ไปมอบให้ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก โดยจะนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลในสำนวนว่าตรงกันหรือไม่ และได้บอกให้ไปตั้งสติและเรียบเรียงข้อมูลก่อนที่วันที่ 17พ.ค. จะเข้าไปสอบปากคำอีกครั้ง

ส่วนเรื่องทนายความนางสาวแอมให้การว่า ได้ทิ้งไปแล้ว ซึ่งก็ไม่กระทบต่อรูปคดี พนักงานสอบสวนมีหน้าที่สอบ และนางสาวแอมมีหน้าที่ให้การ ซึ่งคำให้การของนางสาวแอมในวันนี้ ไม่สอดคล้องกับคำให้การของผู้รอดชีวิต และยังตอบไม่ได้ในหลายประเด็นโดยเฉพาะประเด็นที่ผ่าพิสูจน์ศพทั้ง 14 ศพออกมาและพบไซยาไนด์ทุกศพ ซึ่งการให้การเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาว่าจะให้การอย่างไรก็ได้

ขณะที่ในวันพรุ่งนี้จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับคนใกล้ชิด เนื่องจากคำให้การของแอมมีการชี้ไปถึงบุคคลใกล้ชิด

ขณะที่ในวันนี้รองผู้กำกับอ๊อฟ อดีตสามีของแอม ได้เข้าร่วมสอบปากคำและเจอกับแอมด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ปล่อยให้ทั้งสองคนพูดคุยกัน ซึ่งอดีตสามียังไม่ได้ให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตามรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝากไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง และให้คำปรึกษาทั้งหมดว่าอุบายต่างๆไม่มีประโยชน์เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานตามพยานหลักฐาน