นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แถลงเมื่อวันพุธ (7 ธ.ค.) ว่านโยบายค่าแรง 600 บาทต่อวันจะสำเร็จได้ภายในปี 2570 เพราะถ้าหากประชาชนไว้วางใจเลือกพรรคเพื่อไทยให้จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ เศรษฐกิจของประเทศจะดีทั้งระบบ

หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวอีกว่า แต่นโยบายดังกล่าวทำไม่ได้ในวันนี้แน่นอน เพราะขณะนี้มีเศรษฐกิจในภาพรวมที่ยังไม่ดีนัก

“แน่นอนค่ะ ถ้าเราคิดกันในวันนี้มันเดือดร้อนแน่ เพราะภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งหมดยังไม่อยู่ในภาพที่ดีหรือภาพที่เหมาะสมที่เศรษฐกิจกำลังโตขึ้น แต่เมื่อวานที่เราพูดถึงนโยบายนี้เป็นเศรษฐกิจภาพรวมของทั้งประเทศจะเติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กัน” นางสาวแพทองธาร กล่าว

“วันนี้ไม่แปลกเลยที่คนจะคิดว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้น ใช่ค่ะ วันนี้คิดไม่ได้ วันนี้ค่าแรงเป็น 600 บาทยังไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดีค่ะ แต่เมื่อเศรษฐกิจดีทั้งระบบแล้ว มันจะไปโดยธรรมชาติของเศรษฐกิจของมันน่ะ”

10 ปีแทบไม่ขึ้นค่าแรง แต่คนรวยมีแต่รวยขึ้น

นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า หากไม่นับการปรับขึ้นค่าแรงเมื่อไม่นานมานี้ การปรับขึ้นครั้งใหญ่และเป็นที่รับรู้กันในวงกว้างครั้งล่าสุดคือในยุคของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว และหลังจากนั้นประเทศไทยต้องเผชิญกับการบริหารเศรษฐกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพ จนเกิดภาวะรวยกระจุก-จนกระจาย

“เพราะฉะนั้น พรรคเพื่อไทยจึงต้องคิดใหญ่ค่ะ คิดใหญ่เพื่อให้ทั้งประเทศ ทั้งเศรษฐกิจทั้งประเทศนั้นน่ะ move (เคลื่อน) ตัวไปด้วยกัน” นางสาวแพทองธาร กล่าว

“เราต้องการจะลดความเหลื่อมล้ำนี้ให้ได้ค่ะ ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล การที่เรารวยกระจุกจนกระจายแบบเนี้ย ทำให้เรารู้สึกว่าพี่น้องคนไทยที่ทำงานใช้แรงงานเนี่ย ยังไม่ได้รับเกียรติรับศักดิ์ศรีเท่าที่ควรจะได้รับ เราจึงอยากจะพัฒนาทั้งระบบทั้งประเทศ”

นางสาวแพทองธาร อธิบายถึงเป้าหมายที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโต 5% ต่อปีนั้น ว่าไม่ใช่ตัวเลขตายตัวทุกปี แต่เป็นค่าเฉลี่ย

เผ่าภูมิเผยเหตุผลทำไมถึงกล้าชูค่าแรง 600 บาท

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า ผู้ที่วิจารณ์นโยบายนี้อาจมองว่าในปี 2570 ประเทศไทยยังคงย่ำกับที่ ซึ่งแตกต่างจากภาพที่พรรคเพื่อไทยมองไว้อย่างสิ้นเชิง

“หากผู้พูดมองหรือผู้วิจารณ์มองว่าปี 2570 นั้น ประเทศไทยเป็นผู้รับจ้างผลิต ยังเป็นเกษตรกรรมขั้นพื้นฐาน ยังเป็นการท่องเที่ยวราคาถูก และเป็นการผลิตที่ใช้แรงงานไร้ฝีมือนั้น ไม่แปลกใจครับ ที่ค่าแรง 600 บาทเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝัน และก็เป็นสิ่งที่คนเหล่านั้นมองว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่วิสัยทัศน์ของพรรคเพื่อไทย นั่นไม่ใช่วิสัยทัศน์ของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” นายเผ่าภูมิ กล่าว

“เราจะคือผู้สร้างนวัตกรรม”

พรรคเพื่อไทยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล

รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยรายนี้ กล่าวอีกว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยมีโอกาสบริหารประเทศ และมีเศรษฐกิจที่เติบโตทั้งระบบ และตามเป้าหมาย 5% ต่อปี ค่าแรงขั้นต่ำก็ต้องขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจด้วย ไม่ได้อิงอยู่กับผลิตภาพและเงินเฟ้อเท่านั้นอย่างที่เป็นอยู่

“สิ่งที่หลายฝ่ายลืมไปนั่นคือว่า ค่าแรงของเราโตไม่ทันจีพีดี เศรษฐกิจโตเร็วกว่าค่าแรง” นายเผ่าภูมิ กล่าว

“นั่นหมายถึงว่ารายได้ของภาคเอกชนนั้นโตเร็วกว่ารายได้ของแรงงาน รายได้ของนายจ้างโตเร็วกว่าลูกจ้าง และนี่คือประเด็นที่เราจะต้องเร่งแก้ไข นี่คือประเด็นที่พรรคเพื่อไทยยอมไม่ได้”

นายเผ่าภูมิ พูดต่อไปว่า การดูแลนายจ้างก็เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยคำนึงถึง เพื่อให้การปรับค่าแรงขั้นต่ำเกิดขึ้นได้จริงๆ ดังนั้นจึงมีนโยบายการมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้น