หนุ่มโรงกลึงถูกแฟนสาวประเภทสองคว้ามีดแทงดับ สารภาพฉุนโดนบ้องกัญชาฟาดหัวหลังมีปากเสียงกัน

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 21 สิงหาคม 2565 ร.ต.อ.สุภณ ตรงบรรทัด รองสว.(สอบสวน) สน.บางกอกใหญ่ รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทมีผู้เสียชีวิต ภายในโรงกลึงแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างซอยเพชรเกษม 4-6 แขวงวังท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม.จึงไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.ต.ชะเลงศักดิ์ สิงห์ทอง สว.สส.สน.บางกอกใหญ่ด้วยพร้อมฝ่ายสืบสวน สน.บางกอกใหญ่ และแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชปลูกติดกันความสูง 3 ชั้น บริเวณชั้น 3 พบร่างนายอัทธวิรุตน์ อายุ 19 ปี สภาพนุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ ไม่สวมเสื้อ พบบาดแผลถูกแทงเข้าที่เนินนมฝั่งขวา ด้วยอาวุธมีดปลอกผลไม้ปลายแหลมมิดด้ามด้วยความยาวประมาณ 10 ซม.ซึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงพยายามทำ CPR ปั๊มหัวใจแต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นาย เฌอพัชญ์ พื้นเพเป็นชาวอุดร ซึ่งเป็นสาวประเภทสองแฟนของผู้ตาย ยืนรอมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ อยู่ในอาการร้องไห้เสียใจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางกอกใหญ่จึงเชิญตัวไปสอบสวนต่อที่โรงพัก

สอบสวนทราบว่าก่อนหน้านี้แฟนสาวซึ่งเป็นสาวประเภทสอง ย้ายออกไปเพิ่งจะกลับมาอยู่ได้ 2-3 วัน ก็เกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน ขณะที่ผู้ตายเสพกัญชาและดื่มน้ำกระท่อมไปมาก และทะเลาะกันก่อนเกิดเหตุประมาณ 1ชม. ก่อนที่ฝั่งผู้ตายจะใช้บ้องกัญชา

ลักษณะเป็นไม้ไผ่ ตีฝั่งผู้ก่อเหตุ กระทั่งผู้ก่อเหตุเกิดบันดาลโทสะใช้มีดปลายแหลมแทงเข้าที่เนินนมข้างขวาจนหมดสติ จากนั้นผู้ก่อเหตุจึงโทรหาแม่ฝ่ายชาย และให้พ่อเลี้ยงมาดูที่เกิดเหตุก่อนจะประสานกู้ชีพเข้ามาช่วยเหลือ หลังเจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ก่อเหตุไปโรงพักได้พูดถึงสาเหตุที่ทำเพราะ “ผู้ตายใช้บ้องตี” และไม่ตอบคำถามใดๆ

ด้าน นายธราทร อายุ 28 ปี (พ่อเลี้ยงผู้ตาย) เปิดเผยว่าได้รับโทรศัพท์จากแม่ผู้ตายว่าให้ช่วยมาดูหน่อย เมื่อมาถึงก็เห็นว่าลูกเลี้ยงถูกแทงแต่ยังหายใจอยู่ และแฟนสาวประเภทก็อยู่ภายในห้องด้วย จึงพยายามตามกู้ภัยเพื่อให้มาช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด ส่วนสาเหตุที่ทะเลาะกันนั้นตนไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เนื่องจากมาถึงก็พบว่าเกิดเหตุแล้ว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหานาย เฌอพัชญ์ (ผู้ก่อเหตุ)ในข้อหา”ฆ่าผู้อื่นฯ”นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางกอกใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนร่างผู้ตายส่งไปชันสูตรเพิ่มเติมที่สถาบันนิติเวช รพ.ศิริราชก่อนจะประสานให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป