เสี่ยใหญ่ ตามราวีอดีตแฟนสาวรุ่นลูก บอกเลิกแต่ไม่ยอมจบ ส่งลูกน้องติด GPS ใต้ท้องรถสะกดรอย ลั่นไม่ให้อยู่ร่วมจังหวัดนนทบุรี 

เมื่อเวลา 18.00 น. (22 ม.ค.66) ผู้สื่อข่าวรับร้องเรียนจาก น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี พนักงานสาวสวยบริษัทแห่งหนึ่ง มีบ้านพักอยู่ย่านถนนสนามบินน้ำ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี โดย น.ส.เอ เล่าเรื่องราวอันขื่นขมว่า ทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งย่านบางศรีเมือง ได้มีโอกาสรู้จักกับ นายนิทัศน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี เสี่ยใหญ่ เจ้าของบริษัทธุรกิจผลิตพลาสติกอัดเม็ด มีโรงงานในปทุมธานีและนนทบุรี จนสนิทชิดเชื้อกระทั่งคบหาดูใจกันมากว่า 1 ปี จนฝ่ายชายบอกให้ตนลาออกจากงาน และจะส่งเสียเลี้ยงดู พร้อมทั้งให้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหรู หมู่บ้านดังย่านแจ้งวัฒนะ พร้อมทั้งส่งเสียเงินเดือนให้ใช้จ่ายทุกเดือน แต่ด้วยอายุที่แตกต่างกันกว่า 30 ปี ทำให้ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันฝ่ายชายมักจะแสดงอาการ หึงหวงประจำ

น.ส.เอ เผยอีกว่า ต่อมาตนมาทราบว่าฝ่ายชายมีครอบครัวอยู่ก่อนแล้ว แต่ด้วยเวลาที่คบหาและอยู่ด้วยกันหลายปี ตนก็เหมือนตกกระไดพลอยโจนไปแล้ว อีกทั้งฝ่ายชาย ก็ส่งเสียเลี้ยงดูเป็นอย่างดี กระทั่งความหึงหวง และความระหองระแหงเกิดขึ้นถึงขั้นไล่ตนออกจากบ้าน เพียงแค่สาเหตุที่ตนพาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด โดยมีกลุ่มเพื่อนที่สนิทไปด้วยกัน แต่ตอนนั้นตนไม่ได้พักและนอนอยู่กับพี่ชายและแม่ เนื่องจากตนมีกลุ่มเพื่อนไปด้วยจึงได้พากันออกไปเที่ยว ทำให้เข้าใจผิดกล่าวหาตนแอบไปมีชายอื่น และเข้าใจผิดว่าตนไปเที่ยวกับผู้ชาย ไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่น ซึ่งก็พยายามชี้แจงและยืนยันว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกัน และไปกันหลายคน แต่ก็ไม่ฟังเหตุผล จนไล่ตนออกจากบ้าน พร้อมทั้งบอกเลิก

น.ส.เอ เผยว่า หลังออกมาจากบ้านหรูด้วยดี แต่กลับถูกฝ่ายชายตามราวีไม่เลย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัวที่จอดไว้ก็มีรถลึกลับขับมาชนหลายครั้ง โชคดีที่ไม่ได้อยู่ในรถ จนทุกวันนี้รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากเนื่องจากฝ่ายชายนั้น นอกจากจะมีฐานะทางการเงินร่ำรวยแล้ว ยังมักจะอ้างว่า รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ มีลูกน้องมากมายที่สามารถที่จะใช้สะกดรอย ติดตามความเคลื่อนไหวของตนได้ตลอดเวลา มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยกล่าวไว้กับคนใกล้ชิดและสนิทว่า ทำยังไงก็ได้ที่จะให้ตนไม่ต้องอยู่ในจังหวัดนนทบุรีอีกต่อไป ซึ่งตนก็รู้สึกกลัวมากแต่อยากถามว่า ถ้าย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น เสี่ยใหญ่นักธุรกิจรายนี้ยังจะตามราวีตนไม่เลิกราต่อไปอีกหรือไม่

ความคืบหน้า ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. (23 ม.ค.66) ที่ สภ.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เข้าพบ พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง ผกก.สภ.บางศรีเมือง ให้สัมภาษณ์ กับผู้สื่อข่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางศรีเมืองได้รับแจ้งความกับทางผู้เสียหายเมื่อวันที่ 19 ม.ค.66 ว่าถูกชาย 2 คนขี่ จยย.สวมหมวกกันน็อคเต็มใบ ได้มาติดวัตถุคล้าย GPS ไว้บริเวณใต้ท้องรถ จึงนำวัตถุดังกล่าวมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้กับพนักงานสอบสวน ในส่วนของคดีความคืบหน้าล่าสุดตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบ GPS ดังกล่าว เพราะมีการผูกติดกับซิม หากทราบชื่อวคนเปิดใช้บริการก็จะเรียกตัวมาสอบสวน

ส่วนชาย 2 รายที่ ขี่ จยย.นำ GPS มาติด ตอนนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างไล่กล้องวงจรปิดติดตามตัวมาดำเนินคดีกฎหมาย เบื้องต้นเข้าข้อกล่าวหา ก่อความเดือดร้อนรำคาญกระทำการอันใดเป็นการข่มเหงผู้อื่นให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ มีระวางโทษตามกฎหมายอาญา และหากพิสูจน์ทราบได้ว่าพื้นที่ที่เข้าไปติด GPS นั้น เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ก็จะมีความผิดฐาน บุกรุก ตอนนี้ทางตำรวจก็ได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายไปเบื้องต้นแล้ว ในส่วนต่อไปก็จะเชิญมาสอบปากคำในรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้ง เพราะทางผู้เสียหายยังไม่มีการแจ้งความหรือร้องทุกข์ในเรื่องของถูกรถชน

ในส่วนนี้หากพิสูจน์ทราบได้ว่ามีเจตนาที่จะขับรถชนก็จะเข้าข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ ส่วนเสี่ยใหญ่ตอนนี้ทางตำรวจยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่ามีการกระทำความผิด อย่างไรก็ตามทางตำรวจจะเร่งดำเนินการนำคนที่ติด GPS มาสวบสวนก่อน จึงสามารถดำเนินการในขั้นตอนของกฎหมายต่อไปได้