เศร้าจนใจเจ็บ ยายป่วยอัมพฤกษ์พูดไม่ได้ นั่งเฝ้าศพคู่ชีวิตในห้องพัก เดินไปไหน ส่งเสียงบอกใครก็ไม่ได้

(8 พ.ค. 66) เวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองสกลนคร ได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในห้องเช่าหลังตลาดบายพาส ถนนเลี่ยงเมือง ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร จึงประสานชุดกู้ภัยมิตรภาพรวมใจเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพ นายลั่น  อายุ 72 ปี เป็นชาวแขวงคำม่วน สปป.ลาว นอนเสียชีวิตสภาพนอนหงายอยู่บริเวณประตูทางเข้าห้อง และพบ ยายนาง อายุ 78 ปี ชาวลาว ซึ่งเป็นภรรยาของนายลั่น นั่งเฝ้าข้างสามี ซึ่งยายนาง มีอาการป่วยร่างกายซีกซ้ายอ่อนแรง และไม่สามารถพูดได้

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุการตายน่าจะมาเกิดจากโรคประจำตัว อย่างโรคความดัน โรคเบาหวาน ประกอบกับช่วงกลางวันมีอากาศร้อนจัด ทำให้อาการป่วยกำเริบและหัวใจวายเฉียบพลัน ล่าสุดวันนี้ (9 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ น.ส.ณัฐมล อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นหลานของนายลั่นชาวลาว ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนได้มาตระเวนหาที่ทำศพให้กับตา ซึ่งติดต่อมาแล้วหลายวัด จนมาได้ที่วัดป่าบ้านหนองทรายขาว ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร ห่างจากห้องพักประมาณ 4 กม. เนื่องจากมาติดต่อและขอต่อรองค่าทำศพให้ประหยัดมากที่สุดเพราะไม่มีเงิน เมื่อได้สถานที่วัดแล้วจึงจะเดินทางไปติดต่อรับศพตาลั่นที่โรงพยาบาล

น.ส.ณัฐมล เล่าว่า ตนเองเป็นชาวอำเภอวังสะพุง จ.เลย ตอนอายุ 8 ขวบ นายลั่นและนางนาง ได้พาไปอยู่ด้วยกัน และเลี้ยงดูเหมือนหลานแท้ๆ ที่แขวงคำม่วน สปป.ลาว จนอายุได้ 14 ปี จึงกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด และตนเองมีครอบครัวอยู่ที่ จ.สกลนคร

ต่อมาทราบว่าทั้งสองตายาย เจ็บป่วย ไม่มีคนดูแล จึงไปนำตากับยายมาดูแล โดยตนเองและสามีก็ไม่มีฐานะ ทำงานรับจ้าง หาเช่าห้องพักอยู่ ในวันเกิดเหตุตนเองและสามี ออกไปตลาดเพื่อซื้อกับข้าว แต่ได้ยินตาลั่น บอกว่ามีอาการคันตามร่างกาย ให้ซื้อยาแก้แพ้มาให้ เมื่อกลับมาพบว่า ตาลั่นนอนเสียชีวิตแล้ว มียายนางคอยนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ แต่ไม่สามารถเรียกเพื่อนบ้านได้เพราะพูดไม่ได้และยังเดินไม่ได้ เพื่อนบ้านจึงคิดว่า ตาลั่นนอนพักในห้องตามปกติ

สำหรับพิธีทางศาสนาจะสวดคืนเดียวและเผาทันทีวันพรุ่งนี้ (10 พ.ค.) เพราะครอบครัวไม่มีเงิน ในส่วนค่าใช้จ่าย ทางสามีตนเองได้ลงประกาศทางเฟสบุ๊คส่วนตัวขอบริจาคกับเพื่อนๆ ได้เงินมาไม่กี่พันเพื่อทำพิธีศพให้เสร็จตามประเพณีศาสนา ส่วนยายนาง ตนเองก็จะดูแลต่อไป เป็นการตอบแทนผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูตนมา