รายการโหนกระแส พูดคุย กรณี นายตำรวจ สารวัตรสังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว บช.สันติบาล เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ยิงปืนภายในบ้านพักย่านสายไหมตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ปิดล้อม ผ่านไป 1 วันเต็ม ก่อนมีการบุกจู่โจมเข้าควบคุมตัว โดยมีการยิงปะทะ จนสารวัตรนายนี้บาดเจ็บสาหัส และนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพลเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา โดยได้ ป้าอ้น และ ป้านี สองเพื่อนบ้านที่คุ้นเคยกับตำรวจนายนี้ มาเล่าเรื่องราว พร้อมพูดคุยกับนักอาชญาวิทยา

เพื่อนบ้านเล่า เมื่อก่อนเขาจิตใจดี อ่อนโยน

ป้าอ้น เพื่อนบ้านของสารวัตร เล่าว่า สารวัตรนายนี้ นิสัยเป็นคนน่ารัก ใจดี พูดคุย เวลามาซื้อของที่ร้าน ถ้าเจอเด็กๆ เข้ามาซื้อพร้อมกัน เขาจะจ่ายเงินให้เด็กตลอด ปกติเขาจะดื่มเบียร์วันละ 2 ขวดเป็นประจำ แต่พอทราบว่าเขาย้ายไปเป็นตำรวจสันติบาล เขาจะดื่มหนักขึ้นเพิ่ม วันละ 8-9 ขวด เปลี่ยนหลากหลายยี่ห้อ 

ต่อมาเขาเริ่มมีอาการแปลกไป ตาขวาง ไม่ค่อยทักทาย เริ่มมีอาการพูดคนเดียว เริ่มส่งเสียงดังในบ้าน อาละวาดเสียงดัง พูดคนเดียวกลางถนน ตะโกนเสียงดังยามค่ำคืน วันเกิดเหตุเขาออกมาอาละวาดโวยวายอยู่หน้าบ้าน มีการตะโกนเสียงดัง แล้วมีการยิงปืน 1 นัด แล้วออกมาตะโกน เดินไปเดินมา ชาวบ้านในพื้นที่ต่างหลบเอาชีวิตรอด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาเจรจาอยู่หลายชุด

ขณะที่ป้านี เล่าว่า หลังเจ้าหน้าที่เข้ามาปิดล้อมพื้นที่ และเริ่มมีการใช้แก๊สน้ำตา มีหลายคนในพื้นที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง กว่าจะย้ายออกจากพื้นที่ได้ยากลำบากมาก นอนไม่ได้ ไม่ว่าช่องประตูหน้าต่างเล็กแค่ไหน แก๊สก็เข้ามาได้หมด แสบตาจนอยู่กันไม่ได้ ยิ่งคนแก่ เด็กเล็ก คนป่วยยิ่งลำบาก

ป้าทั้งสองคนยังเล่าว่า สารวัตรเริ่มเครียดหลังย้ายจากตำรวจปราบปรามยาเสพติด ไปเป็นตำรวจสันติบาล เขาเคยเล่าว่า เพื่อนร่วมงานไปพัวพันกับเรื่องยาเสพติด ซึ่งเจ้าตัวต่อต้าน คัดค้าน เขาบอกว่าเขาเป็นแกะดำในฝูง สุดท้ายก็ถูกย้ายงาน จนมีอาการเครียดแบบนี้

ชี้ต้องหาความจริง อะไรทำให้เขาคลั่ง

ขณะที่ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ชี้ว่า เมื่อทุกคนมองว่าสารวัตรคลั่ง ต้องมาหาคำตอบให้ได้ว่า เขาคลั่งเพราะอะไร ฟังจากคำบอกเล่าของเพื่อนบ้าน เขาไม่ได้บ้ามาก่อน เขาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ เพิ่งมาเป็นหลังจากการย้ายงาน หากจะถามข้อเท็จจริงข้อนี้ ไปถามจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไม่มีทางได้ความจริง เขาจะพูดความเท็จไปตลอด เหมือนกรณีจ่าคลั่งที่โคราช เขาก็มีปมปัญหาที่ทำให้เขาทำไปแบบนั้น

ขณะที่ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหมต้องรอด บอกว่า ก่อนหน้านี้ สารวัตรคนนี้ทำงาน ปส. ปราบปรามยาเสพติด เขาเคยเล่าให้เพื่อนบ้านฟังว่า เพื่อนตำรวจที่ร่วมงานกันไปมีส่วนพัวพันกับการค้ายาเสพติด ตนพยายามจะคัดค้าน ห้ามปราม แต่สุดท้ายลงเอยที่ถูกสั่งย้ายมาเป็นตำรวจสันติบาล ซึ่งอยากให้สังคมลองแกะจากสิ่งที่เขาออกมาตะโกนอาละวาดหน้าบ้าน เขาก็พูดเรื่องนี้ มีการต่อว่าด่าทอเพื่อนตำรวจด้วยกัน ตรงนี้อยากจะฝากถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ น่าจะเป็นประเด็นที่ต้องมาให้ความสนใจไม่แพ้กัน

ยุทธวิธีสยบ ไล่จากเบาไปหาหนัก ตอบคำถามสังคม ทำไมถึงใช้เวลานานนัก

เอก สายไหมต้องรอด ลงพื้นที่ที่เกิดเหตุ เล่าถึงความยากลำบากในยุทธวิธีในการเข้าล้อมจับ มีคำถามมากมายว่า ทำไมถึงใช้เวลานานขนาดนี้ในการควบคุมตัว เพราะผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจหรือไม่ ถ้าเป็นประชาชนธรรมดาจะจบเร็วกว่านี้หรือไม่ คุณเอก เล่าว่า วิธีเดียวที่จะจบเรื่องนี้ได้เร็ว คือต้องใช้ความรุนแรงเท่านั้น แต่ที่ตำรวจไม่ใช้ความรุนแรง เพราะต้องการจะเลี่ยงการสูญเสีย เหตุการณ์นี้ไม่มีตัวประกัน มีการเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้ยุทธวิธีไล่ระดับไปทีละขั้น

เมื่อวานนี้มีการใช้แก๊สน้ำตา แล้วเริ่มใช้การเจรจา ให้คนใกล้ชิด คนสนิท มาพูดคุย เกลี้ยกล่อม มีการให้เพื่อนตำรวจมาสวดมนต์ มาร้องเพลงที่เขาเคยร้องกับเพื่อนตำรวจด้วยกันมา ทั้งเพลง พบรักที่ปากน้ำโพ เพลงจดหมายจากแนวหน้า ซึ่งผู้ก่อเหตุตะโกนสวนออกมาว่า “มึงไม่ต้องร้องแล้ว”

จนกระทั่งล่าสุด เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตัดสินใจนำกำลังบุกจู่โจมเข้าไปในบ้าน มีการยิงปะทะ โดยนายเอกภพ เล่าว่า รายงานจากหน้างานทราบว่า สารวัตรถูกยิงในที่เกิดเหตุ ตอนที่ได้ตัว แล้วนำขึ้นรถพยาบาล มีความพยายามทำ CPR ยื้อชีวิต ล่าสุดทราบว่าแพทย์ปั๊มสัญญาณชีพกลับมาได้แล้ว และล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว

 คุยกับนักอาชญาวิทยา กับอาการป่วยโรคจิตเภท

ด้าน อ.ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา พฤติกรรม จิตเวชศาสตร์ และการบริหารงานยุติธรรม ม.มหิดล เผยว่า เรื่องนี้ต้องไล่เรียงไปทีละประเด็น เท่าที่ประเมินอาการของสารวัตร อาการบ่งชี้ชัดว่าเป็นอาการของโรคจิตเภท (Schizophrenia) ระยะกำเริบ มีอาการเพ้อ หลงผิด อ้างพระเจ้า บอกว่าตายไปแล้วจะไปอยู่ดาวอื่น สำหรับผู้ป่วยโรคจิตเภท หากไม่มีการดูแลรักษา อาการจะหนักไปเรื่อยๆ อย่างกรณีของสารวัตร ถ้ารอดชีวิตมาได้ ก็ต้องรักษาไปตลอดชีวิต

ขณะที่คนที่มาการด้านจิตเวช มีอาการทางจิต คลุ้มคลั่ง อาละวาด สามารถตื่นโดยไม่ต้องหลับต้องนอนได้เลย เป็นเวลาหลายวัน ยิ่งถ้าผู้ป่วยคนไหนมีภาวะทางจิต FFI สามารถตื่น โดยไม่หลับเลย ตั้งแต่ 6-10 เดือน ก่อนจะเสียชีวิตด้วยอวัยวะภายในล้มเหลว ทางการแพทย์เรียกว่า Fatal Familial Insomnia (FFI) หรือ โรคนอนไม่หลับมรณะ

ส่วนกรณีที่มีภาพถ่ายจากโดรน เห็นท่อน้ำวางพิงกำแพงอยู่ข้างตัว ดูแล้วคิดว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์เสพกัญชา ซึ่งหากพบว่าสารวัตรรายนี้มีอาการจิตเวชด้วย แล้วดื่มแอลกอฮอล์ด้วย แล้วยังมาเสพกัญชาด้วย ก็บอกได้เลยว่าแบบนี้หนักขั้นสุด