เปิดใจ ภิกษุณีสุทัสสนา หรือ หมอปลาย เคลียร์ทุกข้อสงสัย เผยกรณีเปิดภาพถ่ายติด มนุษย์ต่างดาว แจงเหตุยกเลิกหมายเชิญสื่อ และเข้มแข็งฝ่าดราม่าได้เพราะกำลังใจ

กลับมาเมืองไทยแต่ละที หมอปลาย พรายกระซิบ หรือ ภิกษุณีสุทัสสนา ต้องออกมาเคลียร์ดราม่าเสมอ อย่างล่าสุดทำเอานักข่าวหลายสำนักงง ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อวันนี้ 23 ก.พ. มีหมายเชิญสัมภาษณ์ ภิกษุณีสุทัสสนา หลังถ่ายรายการเสร็จ แต่อยู่ๆเมื่อวันอังคารที่ 21 ก.พ. มีหมายยกเลิกการเชิญสื่อ งานนี้ ภิกษุณีสุทัสสนา ไม่ให้รอนาน ออกมาชี้แจงว่า

“ก่อนอื่นต้องชี้แจงเรื่องนี้ก่อนนะคะว่า คือตอนแรกได้รับการติดต่อมาว่าให้ไปถ่ายรายการ รายการหนึ่ง และหลังจากสัมภาษณ์เสร็จ ก็จะมีสัมภาษณ์สื่อ ตัวเราเองก็เข้าใจว่า สัมภาษณ์ในที่นี้ คือ นักข่าวหนึ่งคน กับช่างภาพหนึ่งคน เหมือนทุกครั้ง แต่พอมีหมายเชิญสื่อแบบเป็นเรื่องเป็นราว หลายๆ สำนัก

หนูต้องยอมรับว่า ตกใจ เพราะว่าไม่คิดว่า การที่หลวงพี่ถ่ายติด UFO จะต้องออกมาแถลงข่าวใหญ่โต เพราะหลวงพี่เพิ่งไปปฏิบัติธรรม เพิ่งลงเครื่อง เจอหลายๆ ประเด็น มีบางคนบอกว่า สามารถเข้าคุกได้ หลวงพี่ก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ขอยอมรับตรงๆ ว่า ไม่ได้ตั้งตัว

อีกอย่างหนึ่ง หลวงพี่ได้แจ้งทางพี่นักข่าวท่านนั้นว่า หลังถ่ายรายการแรกเสร็จ ก็มีถ่ายอีกรายการหนึ่งต่อ ซึ่งเกรงว่าจะไม่มีเวลาให้พี่ๆ นักข่าวได้สัมภาษณ์ยาวๆ ด้วยความเกรงใจ เลยต้องขอยกเลิกการสัมภาษณ์สื่อครั้งนี้ไป ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้หนี ไม่เคยหนี ยินดีตอบทุกคำถามค่ะ แต่ว่าเราสามารถนัดกันนอกรอบ หรือนัดกันอีกทีก็ได้ จะได้มีเวลาตอบคำถามพี่ๆได้เคลียร์ที่สุด

ต้องขอโทษพี่ๆ ด้วยนะคะ ไม่อยากให้พี่ๆ มานั่งรอ แล้วพอออกมาแล้วได้สัมนิดเดียว หรือไม่ได้สัมอะไรเลย กลัวว่าจะทำพี่ๆเสียเวลา อาจจะทำให้เข้าใจผิด ขอโทษจริงๆ ค่ะ หมอปลายมาเป็นภิกษุณีแล้ว ขอพูดความจริงและสัตย์จริงทุกคำค่ะ และยืนยันว่าจะไม่ทำให้ใครผิดหวังแน่นอนไม่มีประเด็นว่าหลอกลวงแน่นอน”

เรื่อง UFO อธิบายหน่อยค่ะว่า ถ่ายตอนไหน อย่างไร?

“พูดตามความเชื่อ และเป็นคนที่มาสายนี้อยู่แล้ว พูดตามความจริง คือ วันนั้นอยู่ที่พุทธคยา กลับมาที่ห้อง แล้วรู้สึกว่า มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องพิมพ์คำนี้ มันมีปัญหาคือเฟซบุ๊กจำรหัสไม่ได้ และอยู่ๆ ก็จำได้ เลยโพสต์ไปทั้งไอจี และ เฟซบุ๊ก โดยที่ตัวเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เรื่องมนุษย์ต่างดาว เรื่องนอกโลก ส่วนตัวเชื่อว่ามีจริง เชื่อว่าเขามาโลกเราจริงๆ”

  • ตะลึง “หมอปลาย” เผยภาพมนุษย์ต่างดาว ถ่ายเองกับมือเมื่อ 10 ปีก่อน ที่ออสเตรเลีย

บางคนมองว่าเป็นแสงแฟลร์หรือเปล่า?

“เราแยกแยะได้ว่าอันไหนแฟลร์ หรือไม่แฟลร์ การถ่ายพระอาทิตย์เราก็เคยถ่าย เราไปล่าแสงเหนือเราก็ไปมาแล้ว การที่เราเอากล้องไปถ่าย ให้ถ่ายพระอาทิตย์แค่ไหนมันก็คงไม่ออกมาเป็นแสงสีม่วง มีเส้นรุ้งอยู่แค่บริเวณแคบๆ เพราะเราก็เรียนวิทยาศาสตร์กันมาว่า สายรุ้งมีความกว้างขนาดไหน แต่เอาเป็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล ใครไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่ส่วนตัวเชื่อว่ามีค่ะ”

ตอนนั้นถ่ายไปกี่รูป?

“รูปนี้ถ่ายไว้นานแล้วค่ะ ตั้งแต่ 27 ก.ค. 2555 คือเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นนั่งรถ เราก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรัวๆ หลายช็อตมาก แล้วมันเกิดเหตุการณ์คือ กล้องแตก เพื่อนเอามาให้ดูว่าเหลืออยู่รูปเดียว เราเองก็เสียใจว่าเราถ่ายรูปไว้เยอะมาก แต่มันเหลืออยู่รูปเดียวเราก็คิดว่ามันเป็นรูปที่มีค่ามากๆ

ที่ผ่านมาเรื่องของความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว ไม่ได้เชื่อมาก่อน แต่พอมาเห็นรูปนั้น และเจอเหตุการณ์อะไรหลายๆอย่างก็ทำให้เริ่มเชื่อ เชื่อว่ามีจริงๆ แต่ถ้าเราพูดไปคนก็หาว่าบ้า เลยไม่อยากพูด หลังจากนั้นก็ไม่เคยถ่ายได้ภาพแบบนี้อีกเลย เรื่องแสงแฟลร์เคยถ่ายได้คือที่คำชโนด อันนั้นคือแฟลร์จริงๆ ไม่ใช่แบบนี้”

ดราม่าเรื่องต่อมา คือขาเจ็บ เกิดอะไรขึ้น?

“ถ้าใครที่ติดตาม ก็จะรู้ว่า ทุกครั้งที่จะพิธีอะไรก็แล้วแต่ เราจะต้องเจ็บตัว คืออย่างวันนั้น เราทำพิธีปีชง ปีชงคือรวมคนดวงซวยทั้งหมด มาอยู่ในปึกกระดาษที่เราเขียนด้วยมือของเราเอง เราต้องทำพิธีแก้ให้เขา วันนั้นสวดมนต์เสร็จ รู้สึกเหมือนโดนถีบเพื่อให้เรายกเลิกการทำพิธีนั้นๆ ซึ่งทุกคนไม่รู้ว่าเราเจ็บ เราก็ฝืนทำให้เสร็จ”

แต่ก็มีดาราคนหนึ่งเข้ามาคอมเมนต์ว่า เราไม่สามารถรับกรรมแทนคนอื่นได้?

“ส่วนตัวไม่ได้อ่าน และไม่ได้รู้จักดาราท่านนี้ อยากจะบอกว่าการเกิดมาเป็นหมอดู หรือคนทำพิธีกรรม มันจะมีกรรมที่คนทั่วไปไม่สามารถรู้สึกได้ว่า มันสามารถแชร์กันได้ เหมือนที่เขาบอกว่า เราไปช่วยบอกเขาเรื่องนี้ มันคือกฎสะท้อนกลับ มันเหมือนกฎวิทยาศาสตร์เหมือนกันว่ากรรมใครกรรมมัน

เรามาทำพิธี เลือกที่จะเขียนชื่อนามสกุลของเขา แล้วขอพรสวดมนต์แทนเขา โดยที่เราไม่รู้จักเขา คุณเคยเจอสถานการณ์นั้นหรือเปล่าว่ามันมีเอฟเฟกต์ขนาดไหน แล้วเราทำ 500-600 คนมันหนักนะ”

จริงๆ แล้ว หมอปลาย ลอยตัวเหนือดราม่ามากๆ ผ่านตรงนั้นมาได้อย่างไร?

“เมื่อก่อนเคยน้อยใจว่า เป็น หมอปลาย ทำอะไรก็ผิด แต่พอวันนึงมันเป็นจังหวะชีวิตของคน หรือเป็นเพราะเราเป็นผู้หญิงหรือเปล่า แต่พอวันนึงเราบวชได้ เราก็ทำหลายๆ อย่างเหมือนผู้ชายได้ เราก็เลยรู้สึกว่าเราแข็งแรงขึ้น คำว่าดราม่าถ้าเราไม่แข็งแรงมันอยู่ไม่ได้

ถามว่าเคยเป็นซึมเศร้าไหม บอกเลยว่าเป็น ทุกวันนี้ก็ยังเป็น ทุกคนรู้สึกยังไง เรารู้สึกหมด เรามีความแข็งแรงกับตัวเราเอง เพราะว่าเวลาเราไปไหนก็มีแต่คนมาให้กำลังใจ บอกเราว่า แข็งแรงนะ อยู่ช่วยเรานะ อยู่ช่วยคนอื่นนะ มันเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ

อย่างที่ไป พุทธคยา คนไทยไปปฏิบัติธรรมเยอะ เราเตรียมใจว่าโดนแอนตี้แน่นอน แต่มันไม่ใช่เลย มีคนเข้ามาทัดเรา บอกคุณแม่ขา คุณแม่ต้องสึกนะ อย่าบวชตลอดนะ เพราะไม่อย่างนั้นไม่มีใครดูดวงให้ เขาเคยดูดวงแล้วแก้และมีชีวิตรอดมาได้ถึงทุกวันนี้ เหมือนเราเป็นความหวังของเขา

จริงๆ แล้วเหตุการณ์เหล่านี้มันเป็นกำลังใจสำหรับเรามากๆนะ ไม่ว่าจะโดนดราม่าขนาดไหน หนักขนาดไหน เราก็ต้องอยู่ให้ได้ คนที่ติดตามเราเขาชอบเพราะเราเป็นเรา ส่วนคนที่เกลียด ก็ขอบคุณที่เข้ามาสนใจ และเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว

หลายครั้งที่คนเข้ามาบอกว่า รออยู่นะ บอกเลยว่าดีใจมากๆ ขอบคุณมากๆ มีความสุขมาก มันเหมือนกับว่า ที่เราสู้มา มันเหนื่อยนะ แต่เรารอด ต้องขอบคุณทุกคนที่เข้าใจ และอยู่ข้างๆ จริงๆ ค่ะ”