อดีตลูกจ้างงูพิษยักยอกเงิน ลอกเมนูอาหาร เปิดร้านแข่งตัดราคา แต่คุณภาพแย่ ลูกค้าเข้าใจผิดนึกว่าสาขาใหม่

นักธุรกิจสาว อายุ 35 ปี เจ้าของร้านอาหารย่านข่วงประตูท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ เปิดเผยเรื่องราวสุดช้ำใจหลังถูกกลุ่มพนักงานในร้านลาออกไปเปิดร้านแข่ง โดยก็อปปี้เมนูอาหารขึ้นชื่อของร้านไปขายแบบเป๊ะ ๆ หลายเมนู แถมยังหยามกันถึงขนาดมาเปิดร้านฝั่งตรงข้ามจนทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดจนร้านได้รับความเสียหาย โดยหวังเป็นกรณีศึกษาให้กับบรรดาเจ้าของร้านอาหารอื่น ๆ

เจ้าของร้าน เล่าว่า เปิดร้านอาหารมาหลายปีจนขยายสาขาเพิ่มหลายสาขา ล่าสุดต้นปี 2565 ได้เปิดสาขาที่ 3 ที่หัวมุมถนนราชดำเนิน ด้านหลังลานเอนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพ โดยในตอนแรกได้ย้ายแม่ครัว 2 คนและบาริสต้าอีก 2 คน มาที่สาขาใหม่นี้ พร้อมกับได้รับสมัครหญิงสาวคนหนึ่งมาทำหน้าที่เป็นเป็นผู้จัดการ หลังจากเปิดร้านมาได้ 4 เดือนเริ่มรู้สึกผิดปกติ จึงส่งพนักงานสาขาอื่นมาทำงานและจับตาดูความผิดปกติ จนกระทั่งพบว่าเงินร้านขาดไปเป็นประจำวันละหลายร้อย เมื่อเรียกทุกคนมาคุยก็พบว่ามีการยักยอกเงินรายได้ของร้านไปจริง

หลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์ ผู้จัดการ แม่ครัว และ บาริสต้า รวม 4 คน ได้ทยอยลาออกและทางร้านก็ยังคืนเงินประกันการทำงานให้คนละ 3,000 บาท เพราะไม่อยากติดค้างอะไรกันอีก หลังจากนั้นในเดือนตุลาคม 2565 ได้ทราบจากลูกค้าประจำคนหนึ่งว่าพนักงานที่ลาออกไปทั้ง 4 คนได้ไปเปิดร้านอาหารแบบเดียวกัน ห่างกันแค่ 250 เมตร โดยพบว่ามีเมนูอาหารเหมือนกับร้านเดิมเกือบทั้งหมด ทั้งชื่ออาหาร รูปแบบจัดวางอาหารในจาน ลายกระดาษห่อขนมปัง หรือแม้กระทั่งลวดลายคาราเมลและฟองนมในแก้วกาแฟ แต่ขายตัดราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง โดยมีลูกค้าหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสาขาใหม่ และยังร้องเรียนมาว่าคุณภาพอาหารและวัตถุดิบแต่ละเมนูแย่ลงมาก ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบที่หน้าตาเหมือนกันแต่เกรดต่ำกว่า เช่น ขนมปัง เบคอน ทำให้ร้านของเธอได้รับความเสียหาย

เจ้าของร้าน บอกว่า เสียความรู้สึกที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เพราะเมนูอาหารของร้านเกือบทั้งหมดเป็นสูตรเฉพาะเป็นอาหารแบบออสเตรเลียดั้งเดิม ซอสและเครื่องปรุงอาหารในหลายเมนูตนเองและสามีคิดสูตรกันเองกว่าจะลงตัว และทั้งหมดก็เป็นอดีตพนักงานที่กว่าจะสอนทำอาหารแต่ละเมนูได้ก็ต้องใช้เวลา และสิ้นเปลืองวัตถุดิบในการลองผิดลองถูกไปมาก โดยเรื่องที่เกิดขึ้นได้ให้ทนายความเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับยื่นเงื่อนไขให้เลิกใช้ภาพและทำอาหารที่อาจทำให้ถูกเข้าใจผิดได้ ซึ่งทางร้านดังกล่าวก็ยินยอมลงชื่อในสัญญาแล้ว แต่หลังจากนี้หากพบว่ายังไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไข ทนายความจะฟ้องดำเนินคดีเนื่องจากถือว่าเป็นการขโมยข้อมูลทางการค้าที่ทำให้ทางร้านเสียหาย เพราะมูลค่าขายแฟรนไชน์ตามสูตรอาหารของร้านมีมูลค่าเป็นหลักล้านบาท

เจ้าของร้าน บอกด้วยว่า เธอสั่งสมประสบการณ์ทำอาหารมาร่วมสิบปีตั้งแต่ยังอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย จนถึงปัจจุบันใช้เวลามากกว่า 20 ปี เข้าใจดีว่าธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่เปิดกว้าง แต่กรณีที่เกิดขึ้น ทำให้รู้สึกไม่อยากไว้ใจใครง่าย ๆ อีก เพราะไม่คิดว่าจะถูกกระทำเช่นนี้จากอดีตพนักงานที่เคยให้โอกาส เรื่องนี้อยากให้เป็นกรณีศึกษากับผู้ประกอบการและคนที่ทำธุรกิจในลักษณะเดียวกันด้วยว่าอย่าไว้ใจพนักงานมากเกินไปและพยายามสังเกตพฤติกรรมของพนักงานให้ดี อย่าปล่อยให้ดูแลร้านหรือธุรกิจของเรามากเกิน อย่างเช่นเธอเองที่แม้จะเป็นคนคัดเลือกพนักงานเองและสังเกตอย่างดี ก็ยังถูกกระทำแบบนี้