ช่วยสาวถูกทำร้ายนอนเปลือยอกบนถนน ที่แท้ฝีมือผัวตำรวจ ทุบรถ จับหัวเมียโขกพื้น เหตุหึงหวงเมียไปงานวันเกิดเพื่อน

วันนี้ (4 มิ.ย.) จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอเป็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งถูกทำร้าย นอนอยู่บนพื้นถนนข้างรถเก๋ง ในสภาพที่เสื้อผ้าถูกฉีกจนเปลือยท่อนบน พยายามช่วยเหลือตัวเอง และมีชายคนหนึ่งถือค้อน คล้ายมากระชากสร้อยที่คอของฝ่ายหญิง

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ได้เขียนข้อความว่า “ร้านปิด ตั้งใจออกไปซื้อของกินขับหาที่จอดรถ สรุปเจอแบบนี้ทำเอาตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกเลย!!! รีบโทรแจ้ง 191 ตำรวจมาช้า ขับรถเวียนเพื่อหาตำรวจ ไปยันด่านมาเลเซีย แต่ด่านปิด สรุปเวียนจนตำรวจมาทัน #ขอให้ผู้หญิงคนในคลิปปลอดภัย (ผู้หญิงคนนี้โดนทุบด้วยหมวกกันน็อก และใช้ค้อนทุบหัว โดนกระชากสร้อย) ขอให้ปลอดภัยนะคะ ใครมาทำงานด่านนอกระวังตัวด้วยนะคะ #เหตุเกิดที่ด่านนอก”

ต่อมาพบว่า เหตุการณ์ในคลิปไม่ได้เป็นการก่อเหตุอาชญากรรมชิงทรัพย์ ไม่ได้ถูกทุบหัวด้วยหมวกกันน็อกหรือค้อน แต่เป็นเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างสามีภรรยา ซึ่งฝ่ายชายเป็นตำรวจ โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นภายในซอยกาญจนรุจิ 3 บ้านด่านนอก เขตเทศบาลตำบาลสำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ชายแดนไทยมาเลเซีย

โดยหลังจากที่ตำรวจ สภ.สะเดา ได้รับแจ้งเหตุก็รุดลงพื้นที่พร้อมหน่วยกู้ชีพเทศบาลตำบลสำนักขาม และได้ทำการช่วยเหลือหญิงรายนี้ นำตัวส่งโรงพยาบาล พบว่า ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ด้วยถูกโขกกับพื้นอยู่ในอาการมึนงง จากการสอบถามเธอเล่าว่า คนที่ทำร้ายคือสามี ซึ่งเป็นตำรวจยศ ด.ต. สาเหตุมาจากความหึงหวง ที่เธอไปร่วมงานวันเกิดเพื่อน จนสามีตามมาอาละวาดใช้ค้อนทุบรถพังยับ และจับศีรษะเธอโขกลงกับพื้น

ล่าสุดวันนี้ (5 มิ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถยนต์คันดังกล่าว ได้รับความเสียหายทั้งคันในสภาพยับเยินและพบเศษกระจกเศษไฟเลี้ยว เศษกระจกมองข้าง เศษกระจกหน้า-หลัง แตกกระจัดกระจายไปทั่วพื้นถนน

ส่วนหญิงผู้บาดเจ็บ อายุ 41 ปี ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะเดา ได้ทำการสอบปากคำที่โรงพยาบาลสะเดา โดยยืนยันที่จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุถึงที่สุด ซึ่งสามีภรรยาคู่นี้เคยมีปากเสียงทะเลาะกันเมื่อเดือนที่แล้วครั้งหนึ่ง แต่กลับไปเคลียร์และคืนดีกัน

ทางด้าน ด.ต. ผู้ก่อเหตุได้เข้ามอบตัวที่ สภ.สะเดา ตามข้อหาชิงทรัพย์และข้อหาใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ  จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำตัวสอบปากคำซึ่งใช้เวลา 3 ชั่วโมง ก่อนควบคุมตัวฝากขังเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนตามกฎหมาย ส่วนข้อหาอื่นนั้นต้องรอทางแพทย์ผู้รักษาออกใบรับรองอีกครั้งว่าบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ เบื้องต้นต้นสังกัดเตรียมให้ออกจากราชการไว้ก่อน และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน