เมื่อเร็วๆ นี้ ตำรวจสิงคโปร์ได้แถลงกรณีหญิงสาวติดอยู่ในห้องน้ำของตัวเองนาน 4 วัน โดยหญิงสาวคนดังกล่าวถือสัญชาติจีนเมื่อ 13 ปีที่แล้ว และปัจจุบันอาศัยอยู่คนเดียวในอะพาร์ตเมนต์ 2 ชั้น ที่ห้องสวีทนอตติ้งฮิลล์ ริมถนนทูทัก ใกล้อัปเปอร์บูกิต ติมาห์ ประเทศสิงคโปร์

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา น.ส.เซือง อายุ 31 ปี เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำและพบว่ามือจับประตูห้องน้ำหัก ทำให้เธอติดอยู่ภายใน ซึ่งเธออาศัยอยู่คนเดียว จึงไม่มีใครรู้เรื่องและช่วยเธอออกไปได้

ในเวลานั้นเนื่องจากเธอไม่มีโทรศัพท์ เซืองจึงพยายามกรีดร้อง ทั้งทุบ และเทน้ำยาล้างท่อที่ประตูไม้ โดยหวังว่าจะสามารถออกไปได้หรือมีคนได้ยินเสียงดังเข้ามาช่วย แต่ความพยายามทั้งหมดไร้ผลมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อพูดถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก จู่ๆ เซืองก็นึกถึงคำสอนของพ่อของเธอ ที่ทำให้เธอจัดการกับอาการตื่นตระหนกและรักษาความคิดเชิงบวก

“พ่อบอกฉันว่ามนุษย์อยู่ได้โดยไม่มีอาหาร 3 วัน แต่ถ้าไม่มีน้ำก็อยู่ไม่ได้ ฉันมีน้ำในห้องน้ำ มีการไหลเวียนของอากาศ ฉันอยู่ได้หลายวัน” เซือง กล่าว

เธอเชื่อว่าพ่อแม่ของเธอที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน ซึ่งไม่สามารถติดต่อเธอได้ จะพบสิ่งผิดปกติ เพราะก่อนหน้านั้นเธอกับพ่อแม่โทรหากันทุกวัน

ตามที่เซืองคาดไว้ เนื่องจากพวกเขาติดต่อลูกสาวไม่ได้ พวกเขาจึงขอให้ลูกพี่ลูกน้องในสิงคโปร์มาดูลูกสาว ซึ่งญาติคนนี้มาที่หน้าประตูห้องของเซือง แต่ไม่พบอะไรเลย จึงเข้าแจ้งความในเย็นวันที่ 27 พ.ย.

ระหว่างการสืบสวน ตำรวจได้หาข้อมูลจากเพื่อนบ้านของของเซือง ว่าไม่เห็น น.ส.เซือง ออกจากบ้านมาหลายวันแล้ว

ซึ่งตอนนั้นเองตำรวจได้ยินเสียงเคาะดังมาจากภายในบ้าน ด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคาร พวกเขาสามารถเข้าไปในห้องได้และได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุดตำรวจก็ค้นพบที่มาของเสียงที่ออกมาจากห้องน้ำ เซืองได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจเมื่อเที่ยงคืนของวันที่ 27 พ.ย. โชคดีที่สุขภาพของเธอยังดี และไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ก่อนที่เธอจะรีบโทรบอกพ่อแม่ของเธอให้รู้

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ดูเหมือนปกติ แต่กลายเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เซือง กล่าวว่า เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นหากเธอระมัดระวังมากกว่านี้ เธอรู้ว่ามือจับประตูห้องน้ำเสีย แต่พบว่ามันยังใช้งานได้ เธอจึงลังเลที่จะซ่อม

เซือง กล่าวทิ้งท้ายว่า เธอจะสั่งซื้อโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องที่มีแบตเตอรี่เพียงพอเพื่อโทรขอความช่วยเหลือ หากเธอโชคไม่ดีและต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกันนี้อีก