สาวขับเก๋งหรูผ่านเขตก่อสร้างรถไฟฟ้าสีชมพู ชิ้นส่วนแผงกั้นล้มใส่รถพัง สังเกตยาก มีกล้องหน้ารถยังมองแทบไม่เห็น

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพกล้องหน้ารถและข้อความว่า “สวัสดีค่ะ พอดีเมื่อวาน (28/10/65 เวลา 13:45) ขับรถไปบนถนนแจ้งวัฒนะ จากเมืองทองมุ่งหน้าปากเกร็ด บริเวณทางขึ้นสะพานพระราม 4 มีเหล็กจากแผงกั้นรถไฟฟ้าล้ม แล้วยื่นเข้ามาในถนน จากระดับสายตามองยากมาก ทำให้ไม่เห็น และชน ทำให้กระจกข้างรถเสียหาย รวมถึงกระจกรถและประตูรถเป็นรอย แต่กล้องหน้ารถ บันทึกภาพด้านหน้า ไม่เห็นด้านข้าง ทำให้เห็นแค่เหล็กยื่น แต่ไม่เห็นตอนชนค่ะ ขอรบกวนพื้นที่ตรงนี้ ฝากแจ้งหน่อย ว่ามีใครบันทึกภาพตรงนั้นไว้มั้ยคะ”

(30 ต.ค.65) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง จุดเกิดเหตุบริเวณถนนแจ้งวัฒนะช่วงเชิงสะพานพระราม 4 ฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปอำเภอบางบัวทอง ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ใกล้เคียงศูนย์รักษาตาท็อบเจริญ ซึ่งเป็นแนวก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยที่ผิวจราจรบนถนนแจ้งวัฒนะช่วงเกาะกลางถูกตั้งแนวแบรีเออร์ตลอดเส้นทาง รวมทั้งติดตั้งแผ่นผ้าใบป้องกันแนวก่อสร้าง ขนาดประมาณ 1.5 × 1.0 เมตร สีน้ำเงิน โดยทีข้อความว่าอันตรายเขตพื้นที่ก่อสร้าง ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาในบริเวณนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบแผ่นผ้าใบจำนวนหลายแผ่นหายไป และชำรุด

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบ น.ส.โอ์ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี ทำงานบริษัทเอกชนย่าน อ.บางบัวทอง ตรวจสอบสภาพรถยนต์ยี่ห้อ BMW รุ่นX3 สีดำ (ขอปิดบังหมายเลขทะเบียน) พบว่ากระจกมองข้างด้านคนขับเสียหาย ฝาครอบด้านหลังหลุดจนเห็นวงจรไฟฟ้าด้านใน ส่วนด้านหน้ากระจกมองข้างหลุดหายไป พบกระจกส่งหน้าขอบสีชมพูที่ผู้เสียหายซื้อมาติดด้วยสก็อตเทปชั่วคราว ส่วนกระจกหน้าต่างและประตูรถฝั่งคนขับ มีรอยขีดขูดจำนวนมากทำให้สีประตูหลุด

จากการสอบถาม น.ส.โอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี ทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งใน อ.บางบัวทอง ทราบว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.65 เวลาประมาณ 15.45 น. ตนขับรถออกจากบ้านที่บางซื่อเพื่อไปทำงานที่ อ.บางบัวทอง โดยใช้ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งใช้ถนนเส้นนี้ประจำ เมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุมีเสียงดังปัง ตามสัญชาตญาณตนได้หันไปทองที่กระจกข้างด้านขวา เห็นว่ากระจกมองข้างแตก เศษกระจกกระเด็นมาที่ตัวรถ ซึ่งตอนแรกตนคิดว่ามีวัสดุอะไรหล่นลงมาจากด้านบน เพราะตนขับอยู่เลนขวาสุด ไม่มีรถขวาหรือใครมาชนแน่นอน หลังจากชนตนไม่สามารถหยุดรถเพื่อตรวจดูได้เนื่องจากต้องขึ้นสะพานพระราม 4 เมื่อลงสะพานได้เข้าปั๊มที่ใกล้ที่สุดจอดดูรถ จากนั้นได้โทรเรียกบริษัทประกันและตรวจกล้องหน้ารถว่ามันเกิดอะไรขึ้น จึงมาทราบว่าแผ่นพลาสติกล้มพับลงมาด้านการจราจร ซึ่งเป็นโครงเหล็กขึงผ้าใบไว้กันเขตก่อสร้าง จากการดูกล้องหน้ารถพบว่าแผ่นผ้าใบล้มพับลงมาเป็นแนวนอนขนานกับผิวถนน ถ้ามุมมองคนขับจะมองไม่ออกว่าแผ่นผ้าใบยื่นออกม าจนต้องมาดูกล้องหลายรอบจึงเห็นว่ายื่นออกมาประมา 1 เมตร ตามความสูงของแผ่น

หลังเกิดเหตุมีเศษกระจกติดกับสายไฟฟ้า หมุนและตีตัวรถกับกระจก ตนพยายามเอามือออกไปจับแต่ว่ากลัวกระจกจะบาดมือ ตนจึงปล่อยและเศษกระจกได้หลุดออกไปเอง แต่ตัวถังรถและกระจกรถได้รับความเสียหาย หลังเกิดเหตุตนได้แจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด เรียบร้อยแล้ว ศูนย์รถประเมินค่าเสียหายเกือบ 80,000 บาท ซึ่งทางบริษัทประกันได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วโดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทชิโนไทย ลงมาดูด้วย แต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีตัวแทนบริษัทชิโนไทยติดต่อมาเพื่อรับผิดชอบ

น.ส.โอ๋ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนต้องเสียเวลานำรถเข้าไปเปลี่ยนกระจกมองข้างทั้งชุด ซ่อมกระจกและทำประตูฝั่งคนขับ ซึ่งอุบัติเหตุจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าเกิดบ่อยมาก ซึ่งคนที่ใช้รถใช้ถนนไม่สามารถระวังตัวเองได้ ไม่รู้ว่าอะไรจะหลุดหรือหล่นลงมาตอนไหน ตนอยากฝากบอกบริษัทที่รับผิดชอบให่เพิ่มการระมัดระวังมากกว่านี้ เพราะคนขับรถก็ระวังในส่วนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ถ้าคนที่รับผิดชอบไม่สร้างสภาพแวดล้อมในการขับขี่ให้เหมาะสมมันก็ไม่เพียงพอ จนต้องมาเกิดเหตุบ่อยครั้ง ทำให้เสียเวลารออะไหล่ และไม่มีรถขับไปทำงาน เนื่องจากกระจกข้างไม่มีก็ขับขี่ลำบากอันตราย ตนต้องไปซื้อกระจกที่ร้านสะดวกซื้อมาติดทดแทนเพื่อขับในวันที่เกิดเหตุแต่มันก็อันตรายมากเหมือนตาบอด เบื้องต้นผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด ซึ่งอยู่ระหว่างให้บริษัทประกันติดต่อประสานงานชดใช้ค่าเสียหาย และค่าเสียเวลาต่อไป