วิวาห์หวานเบื้องหลังสุดสยอง หนุ่มชื่นมื่นแต่งสาวที่พ่อหาให้ ทั้งที่เพิ่งฆ่าแฟนสาวยัดตู้เย็นหมาดๆ ช็อกซ้ำครอบครัวรู้เห็น

คดีฆาตกรรม “นิกกี้” หญิงสาวอินเดียวัย 24 ปี ตำรวจพบว่าผู้ต้องหาคือ “ซาฮิล” วัย 24 ปี และไม่ใช่เป็นเพียงแค่ฆาตกรเท่านั้น แต่ยังเป็นสามีของเธอด้วย เนื่องจากทั้งคู่ทำพิธีแต่งงานที่โบสถ์แห่งหนึ่งเมื่อสามปีก่อน

แหล่งข่าวกล่าวว่า ทั้งสองไม่ได้เชิญครอบครัวของพวกเขาไปงานแต่งงาน และเมื่อครอบครัวของซาฮิลรู้ พวกเขาก็คัดค้านความสัมพันธ์นี้ เพราะทั้งสองคนมาจากชุมชนที่แตกต่างกัน สุดท้ายจึงตัดสินใจหาหญิงสาวคนใหม่ให้กับลูกชาย ซึ่งเป็นเรื่องที่จุดชนวนการโต้เถียงระหว่างซาฮิลและนิกกี้

ซาฮิลและนิกกี้รู้จักกันตั้งแต่ปี 2561 พวกเขาต่างตกหลุมรักกัน จากนั้นจึงเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน และย้ายมาอยู่ด้วยกัน โดยไม่ได้บอกครอบครัวเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เพราะพ่อแม่ของซาฮิลดูเหมือนจะไม่ชอบนิกกี้มากนัก

กระทั่งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ครอบครัวของนิกกี้ไม่สามารถติดต่อลูกสาวได้ ด้วยเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นจึงตัดสินใจโทรแจ้งตำรวจ หลังจากนั้นไม่นานตำรวจระบุชื่อ ซาฮิล เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับ 1 ก่อนหลักฐานมากมายจะชี้ไปที่ตัวเขาจนต้องสารภาพ

การชันสูตรพลิกศพเปิดเผยว่า เวลาที่นิกกี้ถูกฆาตกรรมนั้นคือช่วงคืนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ต่อเช้าวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เมื่อนิกกี้รู้ความจริงว่าแฟนหนุ่มกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นในวันพรุ่งนี้ (10 ก.พ.) หลังจากที่ได้หมั้นกันไปแล้วในเดือนธันวาคม 2565 ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง สุดท้ายซาฮิลก็ใช้สายชาร์จรัดคอแฟนสาวจนหยุดหายใจ

เพื่อปกปิดอาชญากรรมของเขา ซาฮิลสมรู้ร่วมคิดกับพ่อของเขา, ลูกพี่ลูกน้อง และและเพื่อนอีก 2 คน เพื่อหาวิธี “กำจัด” ร่างของเหยื่อ โดยเลือกที่จะแช่เธอไว้ในตู้เย็นก่อน หลังจากนั้นทุกคนก็ยังมีท่าทีสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซาฮิลยังคงเป็นเจ้าบ่าวที่มีความสุขในงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงอีกคน

ราวินทรา ยาดาฟ ผู้บัญชาการตำรวจพิเศษ (อาชญากรรม) กล่าวว่า ในระหว่างการสอบสวน พบว่านิกกี้และซาฮิลแต่งงานกันที่วัดอารียามาจ ในเกรทเตอร์นอยดา มีใบรับรองลงวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ดังนั้นเมื่อเธอรู้เรื่องงานแต่งงานซ้อน เธอจึงขอร้องเขาไม่ให้จัดงานขึ้น

เจ้าหน้าที่สงสัยว่าผู้ต้องหาวางแผนสมรู้ร่วมคิดเพื่อกำจัดผู้ตาย เขาพาเธอไปที่ประตูแคชเมียร์และฆ่าเธอ จากนั้นเขาก็ปิดโทรศัพท์ของทั้งคู่ ขณะเกิดเหตุพ่อของเขาและผู้ถูกกล่าวหาคนอื่นๆ อยู่ในมิทรารอนเพื่อเตรียมงานแต่งงาน เมื่อรู้เรื่องการฆาตกรรมก็พากันไปช่วยอำพรางศพไว้ และเดินหน้าจัดงานแต่งงานตามเดิม

“ขณะที่เรากำลังสอบปากคำซาฮิล เราพบว่าเขาโกหกเกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์ เนื่องจากไทม์ไลน์ที่เขากล่าวถึงไม่ตรงกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่กู้มา เขาสารภาพในภายหลังว่าเขาได้บอกพ่อ ญาติ และเพื่อนของเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

อย่างไรก็ดี ภรรยาของซาฮิล ซึ่งกลับมาที่หมู่บ้านของเธอหนึ่งวันหลังจากงานแต่งงาน ตำรวจพบว่าเธอไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้