เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. (7 พ.ย.65) ร.ต.ท.อิงครัต สุขตาม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน และเสียหลักพุ่งชนร้านค้าข้างทางมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และข้าวของพังเสียหาย ที่บริเวณบ้านไทยโยง ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมหน่วยกู้ชีพ อบต.บ้านบัว

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถกระบะตอนเดียว ยี่ห้อนิสสัน สีเขียว ลักษณะเป็นรถสำหรับบรรทุกวัวควาย อยู่ในสภาพพุ่งชนอัดก็อปปี้กับร้านขายของริมถนน ด้านหน้าพังเสียหาย แต่ไม่พบผู้ขับขี่อยู่ภายในรถ และบริเวณที่รถกระบะคันดังกล่าวพุ่งชนก็มีทั้งโต๊ะหินอ่อนขนาดใหญ่แตกหัก ข้าวของภายในร้านพังกระจัดกระจายเสียหายเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ยังพบรอยเลือดอยู่ในจุดเกิดเหตุด้วย ซึ่งจากการสอบถามคนที่เห็นเหตุการณ์ บอกว่า คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส คือ ด.ช.วัยเพียง 4 ขวบ ถูกแผ่นโต๊ะหินอ่อนที่รถพุ่งชนกระแทกอย่างแรงและทับตัวน้อง ซึ่งหลังเกิดเหตุผู้เป็นพ่อได้นำตัวน้องส่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ เพื่อให้แพทย์ช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนแล้ว แต่น้องทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ส่วนรถยนต์อีกคันที่กระบะคันดังกล่าวพุ่งชนก่อนจะเสียหลักพุ่งเข้าร้านค้าข้างทาง คือ รถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์ ได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่คนขับไม่ได้รับบาดเจ็บและยังรอให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนคนขับกระบะที่พุ่งเข้าไปในร้านค้าชนเด็กเสียชีวิต ได้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนี ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดที่ร้านเกิดเหตุติดตั้งไว้บันทึกภาพเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งนาทีนั้นได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้เป็นแม่ด้วยความตกใจที่เห็นลูกชายถูกชนแล้วแผ่นหินอ่อนทับตัวอยู่ ก่อนจะยกหินอ่อนออกแล้วอุ้มลูกให้สามีรีบพาส่ง รพ.

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลบุรีรัมย์ พบพ่อและแม่ของ ด.ช.ผู้เสียชีวิตนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน แทบจะขาดใจ ทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียลูกชาย  ส่วนลูกสาวคนโตอายุ 5 ขวบ ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย ก็ร้องไห้ตลอดเวลา ต้องมีญาติคอยปลอบเพราะยังขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างความสะเทือนใจให้กับญาติผู้ที่พบเห็น

ผู้เป็นแม่ เล่าทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังถักเปียให้ลูกสาวคนโต และป้อนข้าวลูกชายคนเล็กไปด้วย อยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน จู่ๆ รถกระบะคันดังกล่าว ไม่รู้มาจากไหน ตนทำได้แค่ผลักลูกสาวออกเพื่อไม่ให้ถูกชน แต่ลูกชายซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งคว้าไม่ทัน ทำให้ถูกแผ่นหินอ่อนที่กระบะขับรถกระแทกอย่างแรงและทับตัวน้องจนสลบ ตนก็ใช้กำลังที่มียกแผ่นหินอ่อนออกแล้วอุ้มลูกชายที่หมดสติส่งต่อให้สามีรีบพาส่ง รพ. ก็คิดว่าน้องแค่สาหัส แต่พอไปถึงห้องฉุกเฉินหมอพยาบาลบอกว่าได้ช่วยปั๊มหัวใจช่วยเต็มที่แล้ว แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตน้องไว้ได้

ตอนนั้นช็อกทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องไห้เพราะไม่คิดว่าจะสูญเสียลูกไป ส่วนคนที่ชนดูจากสภาพก็คล้ายกับคนเมา หลังเกิดเหตุก็หลบหนีไป ไม่มีแต่คำขอโทษหรือช่วยเหลืออะไรเลย ก็อยากให้ตำรวจเร่งติดตามตัวมาตรวจแอลกอฮอล์และดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านนายอนันต์ เครือทอง เจ้าของโรงแรม เล่าว่า หลังกลับจากส่งลูกไปเรียนในตัวเมืองก็กำลังขับรถกลับ แต่พอมาถึงจุดเกิดเหตุ รถกระบะที่ขับสวนมาจะมุ่งหน้าเข้าเมืองก็ข้ามเลนมาชนเต็มแรงจนรถหมุนกลางถนนเกือบจะไปชนเสาไฟฟ้าข้างทางเคราะห์ดีที่ประคองเอาไว้ได้ จากนั้นรถคันดังกล่าวก็เสียหลักไปพุ่งชนร้านค้าจนมีเด็กบาดเจ็บสาหัสก่อนจะเสียชีวิต ก็อยากให้คนขับกระบะออกมาแสดงความรับผิดชอบ