เรื่องราวชีวิตของผู้หญิงชาวจีนคนหนึ่ง ที่มีความสุขกับวัยเกษียณในหมู่บ้านเล็กๆ แต่แล้วชีวิตที่สงบสุขต้องพังทลายลง เมื่อทราบข่าวลูกชายเสียชีวิตพร้อมหนี้ก้อนโต แม้ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบแทน แต่แม่เฒ่าก็ยังยืนหยัดชดใช้หนี้แทนลูกชาย

ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเธอเริ่มขึ้นในเดือนเมษายน 2554 เมื่อได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลว่าลูกชายของเธอประสบอุบัติเหตุและกำลังเข้ารับการรักษาฉุกเฉิน ความเจ็บปวดถาโถมเข้าใส่คู่สามีภรรยาวัยชรา หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวร้ายตามมาอีก เมื่อลูกชายคนเดียวของพวกเขาเสียชีวิต แต่เรื่องราวเลวร้ายไม่ได้หยุดลงแค่นั้น เมื่อกลุ่มเจ้าหนี้ตามมาพังประตูบ้านและบอกเรื่องที่น่าตกใจ

ในเวลานั้นพวกเขาถึงได้รู้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลูกชายทำธุรกิจเกี่ยวกับบริษัทตกแต่งบ้าน ได้กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการใหญ่ของหุ้นส่วน แต่โชคร้ายที่หุ้นส่วนรายนั้นยกเลิกสัญญาและหนีไป ทำให้เขาต้องแบกรับหนี้ 600,000 หยวน (ประมาณ 3 ล้านบาท) และสุดท้ายก็เสียชีวิตไปพร้อมกับหนี้ก้อนใหญ่ที่ทิ้งไว้ เมื่อคู่สามีภรรยาวัยชรารู้ความจริงเรื่องนี้ ในที่สุดก็เกิดความขัดแย้งจนถึงขั้นหย่าร้างกัน

แม้ว่าตามเหตุผลแล้วแม่วัยชราไม่ควรต้องมารับผิดชอบต่อสิ่งที่ลูกชายของเธอก่อขึ้น แต่ด้วยความรักหลานชายวัย 6 ขวบ เธอจึงตัดสินใจแบกรับความรับผิดชอบในการชดใช้หนี้ของลูกชายผู้ล่วงลับ ทำงานสารพัดเพื่อหาเงิน ทั้งล้างจาน เก็บผัก ล้างผัก แบกลูกวัว ใครเรียกไปใช้งานอะไรเธอก็ทำทั้งนี้ ขอเพียงให้มีรายได้มากขึ้นเพื่อนำไปใช้หนี้ของลูกชาย

ทุกวันเธอเริ่มทำงานหัวหมุนตั้งแต่ 08.30 น. จนกระทั่ง 22.00 น. ต้องล้างจานชามเป็นพันๆ ใบ ได้เงินเดือนจากการล้างจาน 2,000 หยวน/เดือน (ประมาณ 9,800 บาท) ทุกวันที่ 11 ของทุกเดือน เธอและสามีจะรวบรวมเงินที่หามาได้เพื่อใช้หนี้ให้ลูกชาย โดยเธอชำระหนี้เดือนละ 3,000 หยวน (ประมาณ 14,700 บาท) ส่วนที่เหลือเก็บไว้ใช้จ่าย แม้แต่เรื่องกินดื่มยังต้องประหยัด ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องการซื้อเสื้อผ้าใหม่เลย

กระทั่งเมื่อปี 2559 สามีของเธอประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิต การชำระหนี้คนเดียวก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ แม้จะมีคนบอกเธอว่าอายุความในการบังคับคดีแพ่งโดยปกติคือ 3 ปี ในลูกชายของเธอเสียชีวิตมาถึง 5 ปีแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องจ่ายหนี้ที่เหลืออยู่อีกต่อไป แต่เธอก็ยังคงยึดหลัก “เป็นหนี้ก็ต้องจ่าย”

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เธอตัดสินใจรื้อบ้านเก่าและโอนให้รัฐบาลเพื่อรับเงินชดเชยตามนโยบาย 450,000 หยวน (ประมาณ 2.2 ล้านบาท) และนำเงินทั้งหมดไปจ่ายหนี้ ส่วนบ้านเก่าของเธอที่พังยับเยินตอนนี้กลายเป็นที่ดินเปล่า เธอใช้มันเพื่อปลูกผัก ข้าวโพด และมันฝรั่ง ก่อนนำไปขายที่ตลาด ปัจจุบันเธอและหลานชายอาศัยอยู่ในบ้านที่ลูกชายผู้ล่วงลับซื้อไว้ ซึ่งเป็นมรดกของหลานชาย ห่างจากบ้านหลังเก่า 5 กิโลเมตร ทุกวันเธอจะตื่นนอนตอนตี 4 เพื่อนำผักไปขายที่ตลาด จากนั้นเธอก็ไปที่ร้านอาหารเพื่อล้างจานต่อ

ในที่สุด เธอก็จ่ายเงินส่วนที่เหลืออีกจำนวน 13,000 หยวน (ประมาณ 63,800 บาท) ให้กับเจ้าหนี้ได้จนครบ จนถึงตอนนี้ หญิงวัย 71 ปีคนนี้ ใช้เวลา 12 ปี เพื่อทำงานอย่างหนักและจ่ายหนี้มากกว่า 600,000 หยวน (ประมาณ 3 ล้านบาท) ให้กับลูกชายที่เสียชีวิตของเธอ

หลังจากผ่านไปกว่า 10 ปี คุณตุงไม่เพียงสามารถชำระหนี้ทั้งหมดให้กับลูกชายของเธอได้เท่านั้น แต่ยังมีภาระค่าใช้จ่ายและการดูแลชีวิตของเธอเพิ่มขึ้นอีกด้วย

หลังจากเรื่องราวของเธอถูกแชร์บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ก็ได้รับความคิดเห็นมากมายจากชาวเน็ต ทุกคนต่างชื่นชมในหัวใจและพลังของเธอ การเดินทางที่ยาวนานเพื่อชดใช้หนี้ของลูกชาย และรักษาความน่าเชื่อถือของเธอด้วยใจจริง ถือเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย