สุดรันทดตกอับบั้นปลายชีวิต เวนิส บขส. อดีตมวยแชม์โลก ฟลายเวต WBC เมื่อปี 2515 – 2516  ถือเป็นแชมป์สูงสุดของนักมวยระดับโลก เคยรับค่าตัวนับล้าน เมื่อเกือบ 50 ที่ผ่านมา สุดท้ายชีวิตทำธุรกิจล้มเหลวจัดหาแรงงานไปต่างประเทศ สูญทรัพย์สินนับ 10 ล้านบาท หันทำไร่ทำนา ล่าสุดป่วยเบาหวานความดัน ช็อกเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เจ้าตัวเคยเผยสุดภาคภูมิใจ ครั้งหนึ่งในชีวิตมีโอกาสชกมวยชิงแชมป์โลก ต่อหน้าพระพักตร์  ในหลวงรัชกาลที่ 9 

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้ากรณีมีข่าวว่า อดีตนักมวย ฉายา เวนิส บขส. หรือ นาย ประเวศ พลเชียงขวาง หรือ เวศ ปัจจุบัน อายุ 73 ปี อดีตนักมวยแชมป์โลกชื่อดัง หมัดซ้ายพิฆาต ที่เคยมีอนาคตรุ่งโรจน์  เมื่อหลาย 10  ปีก่อน ภูมิลำเนาอยู่ บ้านโคกสว่าง ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม กลายเป็นข่าวว่าเสียชีวิตเผยแพร่ผ่านทางสื่อโซเชียล  ทั้งนี้ทางด้านผู้สื่อข่าว ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่เป็นความจริง

จากการสอบถาม นางณิยมรัศม์ พลเชียงขวาง อายุ 78 ปี พี่สาวของ เวนิส บขส. ยืนยันว่า ยังรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลนครพนม หลังเกิดอาการช็อกจากโรคความดันเบาหวาน ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2565 ภายหลังทางแพทย์ ได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพนม ปัจจุบันอาการยังทรงตัว อยู่ระหว่างการดูแลรักษาของแพทย์ พยาบาล ใกล้ชิด

สำหรับ นายประเวศ พลเชียงขวาง หรือเวศ ปัจจุบันอายุ 73 ปี ฉายา เวนิส บขส.ซ้ายพิมาต ถือว่าเป็น อดีตนักมวยแชมป์โลกชื่อดัง ที่เคยมีอนาคตรุ่งโรจน์ เมื่อเกือบ 50  ปีก่อน เดิมเส้นทางชีวิต มีใจรักในอาชีพนักมวยมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา เนื่องจากชีวิตครอบครัวยากจน จึงอยากมีรายได้จากการชกมวยเพื่อแลกค่าตัว ทำให้เดินสายรับจ้างชกมวยตามงานวัด ตั้งแต่ค่าตัวไม่กี่ร้อยบาท เนื่องจากพี่ชายทำค่ายมวยในชื่อ ค่ายพายทอง มีแววจึงได้ไต่เต้าขึ้นมาตั้งแต่มวยวัด จนถึงระดับมวยอาชีพ

จนกระทั่งเรียนจบชั้น มศ. 3 ในสมัยนั้น จากโรงเรียนปิยะมหาราชาลัย โรงเรียนประจำจังหวัดนครพนม จึงได้มีคนมาชักชวนไปอยู่กับค่ายมวยชื่อดัง ค่ายมวย บขส. ที่กทม. โดยเริ่มจากมวยแทนจนเป็นนักมวยขึ้นชั้น จากมวยไทยสู่มวยสากล ทำให้ได้แชมป์มวยรอบครั้งแรก ศึกมวยรอบพ็อบท็อป เมื่อประมาณ 2508 ได้ค่าตัวประมาณ 1,500 บาท กลายเป็นแรงบันดาลใจมุ่งมั่นในการฝึกซ้อม และก้าวขึ้นสู่มวยแชมป์ ฟลายเวทประเทศไทย (เวทีลุมพินี) เมื่อปี 2513 แชมป์ฟลายเวท WBC เมื่อปี 2515 – 2516  ซึ่งถือเป็นแชมป์สูงสุดของนักมวยระดับโลก และแชมป์แบนตั้มเวทประเทศไทย เวทีราชดำเนิน เมื่อปี 2522 – 2524  ซึ่งเคยได้รับค่าตัวสูงสุดที่ประมาณ 1.2 ล้านบาท ทำให้ชีวิตอนาคตรุ่งเรืองสูงสุดในยุคนั้น ไม่แตกต่างนักมวยชื่อดัง และดาราดังระดับประเทศ จนมีวงการละครมาทาบทามไปแสดงละคร

ทั้งนี้ เวนิส บขส. เคยเปิดเผยชีวิตสุดแสนรันทด กับผู้สื่อข่าวว่า ชีวิตไม่เที่ยงแท้ เคยรุ่งโรจน์มาตลอด จนกระทั่งชีวิตได้เข้าสู่ขาลง จนทำให้ต้องแขวนนวมลาวงการมวย หลังจากชกมวยแพ้หลายครั้ง เนื่องจากสภาพร่างกายถดถอยตามกาลเวลา จนต้องอำลาวงการเมื่อประมาณ 2524 ซึ่งมีอายุได้ประมาณ 32 ปี  โดยทางบริษัทขนส่งได้บรรจุบรรจุเข้าเป็นพนักงาน ในตำแหน่งพนักงานต้อนรับ แต่ตัดสินใจลาออกหลังทำงานได้ประมาณ 10 ปี เพื่อกลับบ้านเกิดหันมาทำงานเปิดบริษัทจัดหางานส่งแรงงานไปต่างประเทศ พร้อมปักหลักสร้างครอบครัวแต่งงานกับภรรยาคนแรก คนบ้านเดียวกัน จนมีลูกด้วยกันทั้ง 2 คน แต่โชคไม่เข้าข้าง ทำธุรกิจได้ประมาณ 5  ปี เกิดปัญหาขาดทุนจากบริษัทใหญ่ล้ม ทำให้ทรัพย์สินที่เคยมีหลาย 10  ล้านบาท หายไปในระยะเวลาไม่กี่ปี จนเป็นหนี้สิน ชีวิตตกต่ำ เพราะไม่มีรายได้ที่มั่นคง ที่สำคัญครอบครัวกับแตกแยกไปคนละทาง เพื่อเอาตัวรอด  ซึ่งปัจจุบันลูกชาย และลูกสาว ไปอาศัยอยู่กับแม่ ทำงานมีครอบครัวที่ประเทศแคนาดา จนกระทั่งสุดท้ายบั้นปลายของชีวิต ต้องมาทำไร่ทำนา อาศัยรายได้เบี้ยงยังชีพคนแก่ ส่วนภรรยาคนล่าสุดชาว อ.นาแก จ.นครพนม เสียชีวิตเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้อยู่ลำพัง อาศัยพี่น้องดูแลช่วยเหลือตามสภาพ จากบรรดาพี่น้องทั้งหมด 5 คน ตนเป็นคนที่ 4

ที่สำคัญความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิต นอกเหนือจากรางวัลเกียรติยศ ในวันที่ 29 กันยายน 2515  ที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก ได้แชมป์ฟลายเวต WBC ซึ่งถือเป็นแชมป์สูงสุดของนักมวยระดับโลก ชกกับนักมวยแชมป์โลก เบตูลิโอ กอนซาเลซ ชาวเวเนซุเอลาเวนิส ชนะคว้าแชมป์ พร้อมได้รับพระราชทานเข็มรางวัล และได้เคยเข้าเฝ้าองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกทั้งพระองค์ได้เสด็จทอดพระเนตรการชกมวยด้วยพระองค์เอง หลังจากชนะแล้วได้ลงจากเวทีเพื่อเข้าเฝ้ากราบฝ่าพระบาท พระองค์ทรงตรัสถามว่า เจ็บมั้ย เหนื่อยมั้ย  เก่งมากหนู ขอให้รักษาแชมป์ไว้นานๆ แบบรุ่นพี่  และยังมีการทอดพระเนตรด้วยแววตายิ้มแย้ม เมตตา  นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น หาที่สุดมิได้ และเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ที่พระองค์ทรงมีพระเมตตา ตนในฐานะพสกนิกรชาวไทย น้อมสำนึกในพระมหากรุณาคุณ สิ่งเดียวที่ตอบแทนได้คือทำความดีเพื่อสังคม และไม่สร้างปัญหากับสังคม เวนิส บขส. กล่าวไว้