ผบ.ตร.ยอมรับ ชุดปฏิบัติการใช้กระสุนจริงระงับเหตุ “สารวัตรคลั่ง” ยืนยันปฏิบัติตามแผนกรกฏ 

พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการเข้าควบคุมสถานการณ์พันตำรวจโทกิตติกานต์ แสงบุญ ที่คลุ้มคลั่งในบ้านพักย่านซอยสายไหม 46 และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลภูมิพล เมื่อวานที่ผ่านมา พร้อมแสดงความเสียใจกับญาติของผู้เสียชีวิต และยืนยันว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยากต่อการเจรจา ตำรวจได้พยายามทุกวิถีทางในการระงับเหตุแล้ว แต่ทางพันตำรวจโทกิตติกานต์ ไม่มีท่าทีสงบ และไม่ยอมวางอาวุธ ชุดปฏิบัติการจึงตัดสินใจเข้าจับกุม

พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ ยอมรับว่าชุดอรินทราช 26 ได้มีการใช้กระสุนจริงในการปฏิบัติการ เนื่องจากพันตำรวจโทกิตติกานต์ มีอาวุธที่เป็นกระสุนจริงอยู่ด้วย และมีการโต้ตอบเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา ทำให้ชุดปฏิบัติการจำเป็นต้องมีอาวุธที่เท่าเทียมกับผู้ก่อเหตุ แต่ก็มีทั้งกระสุนยาง และปืนไฟฟ้า ใช้ร่วมปฏิบัติด้วย โดยขั้นตอนการปฏิบัติตามแผนกรกฎ

ขั้นตอนที่ 1 ขั้นเตรียมการ หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้านการข่าว ประสานงานกับหน่วยงานข่าวต่างๆ อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง 

ขั้นตอนที่ 2 การเผชิญเหตุ ใช้การเจรจาต่อรองหรือปฏิบัติการ โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก 

ขั้นตอนที่ 3 เมื่อสถานการณ์วิกฤต และจำเป็นต้องใช้กำลังเข้าคลี่คลายสถานการณ์  การใช้กำลังเข้าแก้ไขสถานการณ์ให้เป็นไปตามสมควรแก่เหตุ ดำเนินการ ตามลำดับ ดังนี้ 

1.การแสดงกำลังของตำรวจ 
2.การใช้คำสั่งเตือน 
3.การใช้มือเปล่าจับกุม 
4.การใช้มือเปล่าจับล็อกบังคับ 
5.การใช้เครื่องพันธนาการ ปืนยิงตาข่าย 
6.การใช้คลื่นเสียง 
7.การใช้น้ำฉีด 
8.อุปกรณ์เคมี เช่น แก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไทย 
9.กระบองหรืออุปกรณ์ที่ใช้ตี 
และ 10.อาวุธที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น กระสุนยาง และอุปกรณ์ช็อตไฟฟ้า

ขั้นตอนที่ 4 การฟื้นฟู เมื่อสถานการณ์คลี่คลายสู่สภาวะปกติ ให้ดำเนินการสอบสวน ดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด จัดหน่วยทำหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของผู้ปฏิบัติงาน สนับสนุนส่วนราชการที่มีหน้าที่ฟื้นฟู บูรณะทรัพย์สินของทางราชการ เมื่อได้รับการร้องขอ

โดยได้มอบหมายให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา ส่วนกรณีที่พบว่ามีรอยกระสุน 6 จุด ตามร่างกาย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างให้แพทย์ชันสูตรศพให้ละเอียดก่อนว่าเป็นการเสียชีวิตจากสาเหตุใด

สำหรับการเจรจาตลอดทั้ง 2 วัน ก่อนเข้าปฏิบัติการ ได้มีการประเมินร่วมกับแพทย์จิตเวช กรมสุขภาพจิตอยู่ตลอด เผื่อวางแผนเข้าระงับเหตุ แต่ด้วยสภาวะความเครียดของพันตำรวจโทกิตติกานต์ ไม่ยอมรับข้อเสนอทั้งหมด แม้กระทั่งตัวเองได้โทรศัพท์พูดคุยด้วยภาษาเหนือแล้ว แม้ในช่วงแรกจะไว้ใจแล้ว แต่ก็ไม่ยอมวางอาวุธ และพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงตัดสินใจเข้าปฏิบัติการ

พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ ยังบอกว่า สาเหตุที่พันตำรวจโทกิตติกานต์คลุ้มคลั่ง น่าจะมาจากสภาวะจิตที่ไม่ปกติ ก่อนหน้านี้ทราบว่ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ และปกปิดอาการ ส่วนเรื่องความเครียดในการทำงานน่าจะไม่มี เนื่องจากผ่านเกณฑ์การทดสอบทางจิตใจมาแล้ว และการโยกย้ายมาปฏิบัติงานด้านการข่าว ของตำรวจสันติบาล เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็เป็นความสมัครใจ เนื่องจากเป็นงานที่ถนัดกว่างานที่อยู่กองบัญชาการศึกษา และเพิ่งมีอาการผิดปกติ 5 วันก่อนเกิดเหตุที่ไม่มาปฏิบัติราชการ ผู้บังคับบัญชาจึงโทรศัพท์ไปสอบถาม แต่ก็พบว่าพูดจาผิดปกติ จึงนำแพทย์ไปรับที่บ้านตัวมารักษาแต่ก็ถูกปฏิเสธและโต้ตอบกลับด้วยอาวุธ

ส่วนประวัติการเสพกัญชาจะมีร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากพบอุปกรณ์ และต้นกัญชาอยู่ภายในบ้านนั้น พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ บอกว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ ยังยอมรับว่า หลังจากที่เกิดเหตุกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู และมีการคัดกรองสภาพจิตของตำรวจทั่วประเทศไปแล้ว ก็ยังพบว่ามีตำรวจที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่เข้าข่ายมีอาการทางจิตและประสาท หลังจากนี้ก็จะกำหนดมาตรการให้เข้มข้นขึ้น รวมทั้งให้ประชุมเพื่อสำรวจ คัดกรองตำรวจกลุ่มเสี่ยงในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคมนี้

ส่วนการเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ตำรวจในพื้นที่สำรวจความเสียหายและพร้อมที่จะให้เงินช่วยเหลือกับบ้านข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบทุกราย และให้ความช่วยเหลือกับญาติผู้เสียชีวิตตามสิทธิ์ที่จะได้รับอย่างเต็มที่