วันที่ 5 ม.ค.66 เมื่อเวลา 10.00 น.พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธาณี ผกก.สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน ว่ามีคนคุ้มคลั่งปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านเรือนชาวบ้าน เกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สามารถ หมายสม รอง ผกก.(ปราบปราม)สภ.สตึก ให้นำกำลังไปตรวจสอบ ชายคนดังกล่าว อายุ 41 ปี เป็นชาว ต.สตึก อ.สตึก โวยวายอยู่บนหลังคาบ้าน ซึ่งเป็นบ้านร้างของชาวบ้าน ชุดเกลี้ยกล่อมได้เข้าไปเจรจาเพื่อให้ลงมาจากหลังคานานกว่า 1 ชม.แต่ไม่สำเร็จ

จากนั้น พ.ต.ท.สามารถ ได้เอาขันน้ำกับกิ่งไม้ เดินเข้าไปหาบอกว่า เป็นหมอผีจะมาปราบผีที่กำลังมารบกวนอยู่ในตอนนี้ ชายคนดังกล่าว จึงยอมลงมา แล้วเดินมานั่งคุกเข่า ให้รอง ผกก.รดน้ำมนต์ให้ ก่อนจะนำตัวไปส่งโรงพยาบาลสตึก เพื่อรักษาอาการคุ้มคลั่ง

เบื้องต้นจากการพูดคุย เขาบอกว่าเขากำลังจะเถียงกับใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งได้ยินจากเสียงที่กระซิบมาข้างหู จากการประเมินผู้ป่วยประเภทนี้จะมียุทธวิธี 3 ระดับ คือการเกลี้ยกล่อม หากไม่สำเร็จ จะต้องใช้ไม้ง่าม หรือหากคุ้มคลั่งจะทำร้ายคนจะต้องใช้ปืนไฟฟ้ายิง แต่เท่าที่ประเมินแล้ว น่าจะใช้วิธีเกลี้ยกล่อมได้

จากการวิเคราะห์แล้ว ผู้ป่วยมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ จึงใช้กุศโลบาย เมื่อมีผีจะต้องมีหมอผี จึงอ้างตัวเป็นมือปราบผี เอาขันน้ำบอกว่าเป็นน้ำมนต์ แล้วเด็ดกิ่งไม้มาสำหรับรดน้ำให้ แล้วให้ลูกน้องเอาเทียนมาจุด ชายคนดังกล่าว เมื่อเห็นจึงยอมลงมา จากนั้นให้เดินมาคุกเข่าเพื่อรับน้ำมนต์ เพื่อให้เขามีความรู้สึกว่าศักดิ์สิทธิ์ จึงเอาหมวกหม้อตาลของตำรวจ ซึ่งมีตราแผ่นดินอยู่ด้วยให้เขากราบ แล้วให้กินน้ำที่เขาคิดว่าเป็นน้ำมนต์ เพื่อให้อารมณ์เย็นลง หลังจากนั้นเขามีท่าทีที่อ่อนลงเห็นได้ชัด พูดคุยรู้เรื่อง ก่อนจะนำตัวไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลสตึก