นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (24 พ.ค.) ว่าตนไม่สบายใจที่จะร่วมงานกับนาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี จากพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งเป็น 1 ใน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ

“ถ้ายังมีเงื่อนงำเงื่อนไขอยู่ ผมก็ประกาศผมก็ไม่สบายใจนะสำหรับการที่จะร่วมงานกับคุณศิธา ผมพูดตรงๆ นะครับ ผมก็ไม่สบายใจ” นายชลน่าน กล่าว

“ยกเว้นแกนหลักเขาบอกพรรคของคุณศิธา 6 เสียงสำคัญ ผมก็อาจจะมานั่งดูตัวเองว่าผมสำคัญหรือเปล่าด้วยนะครับ”

ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งถามว่า ถ้า น.ต.ศิธา มีตำแหน่งในรัฐบาลใหม่ นายชลน่านจะพิจารณาตำแหน่งตัวเองด้วยอย่างนั้นหรือ นายชลน่านตอบว่า ตนหมายถึงว่าพรรคก้าวไกลจะต้องรับหน้าที่พูดคุยกับพรรคไทยสร้างไทยถึงพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อปรับการทำงานให้อยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่นมากขึ้น

เรื่องนี้เริ่มขึ้นระหว่างการแถลงการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู/MOU) ของ 8 พรรคการเมืองเมื่อวันจันทร์ (22 พ.ค.) เมื่อ น.ต.ศิธา ที่นั่งอยู่กับสื่อมวลชน ถามนายชลน่าน ถึงการให้สัญญาว่าจะอยู่ฝั่งเดียวกับพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

เมื่อวันอังคาร (23 พ.ค.) นายชลน่านร่วมรายการสัมภาษณ์ของสำนักข่าวข่าวสด ที่มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุธาพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย มาร่วมรายการด้วย ว่าคำถามที่ น.ต.ศิธา ถามนั้น “เสียมารยาทอย่างยิ่ง” และฝากคุณหญิงสุดารัตน์ให้ตักเตือน น.ต.ศิธา

นายชลน่าน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (24 พ.ค.) อีกว่า ตนไม่ได้โกรธ น.ต.ศิธา ที่ถามเช่นนั้น และถ้าขอโทษก็จะรับคำขอโทษไว้ แต่การตำหนิ น.ต.ศิธา นั้นเพราะอยากให้ทุกอย่าง “อยู่ในร่องในรอย”

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เล่าต่อไปว่า หลังจากลงจากเวทีเมื่อวันจันทร์ (22 พ.ค.) ก็เข้าไปหา น.ต.ศิธา และตำหนิต่อหน้าว่าอยากเป็นสื่อมวลชนหรือเป็นฝ่ายรัฐบาลที่ช่วยกันจัดตั้งกันแน่ และคำถามนี้ควรถามตั้งแต่ร่วมโต๊ะเจรจาเอ็มโอยูกันแล้ว ไม่ใช่ออกมาถามในวันลงนาม

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ร่วมการแถลงข่าวนี้ด้วย กล่าวเสริมว่าตนแปลกใจต่อสิ่งที่ น.ต.ศิธา ทำ

“ผมแปลกใจนะครับว่าทำไมคุณศิธาไม่พูดในที่ประชุมเอ็มโอยูของทุกพรรคการเมือง 8 พรรค ตั้งแต่ที่เราประชุมกันให้ตกผลึกให้จบเสียก่อน แต่มาเลือกที่จะมาพูดตอนที่ทุกพรรคแถลงข่าว ทั้งที่คุณศิธาเองเนี่ยก็เป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งด้วย” นายประเสริฐ กล่าว