โซเชียลแห่แชร์ คลิปนักท่องเที่ยวบนเรือสำราญ เจอปรากฏการณ์ประหลาด จู่ๆ ผมชี้ตั้ง ยังหัวเราะ ถ่ายรูปเล่น ทั้งที่เป็นสัญญาณอันตราย

กลายเป็นคลิปไวรัลในโลกออนไลน์ หลังจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ @gnuman1979 ได้โพสต์คลิปวิดีโอ พร้อมระบุว่า “Run!!!! Danger danger! (วิ่ง!!! อันตราย อันตราย)”

โดยเป็นคลิปนักท่องเที่ยวเวียดนามกลุ่มหนึ่ง ยังยิ้มร่าเริง และหัวเราะขณะผมตั้งชี้ขึ้นฟ้า ตอนกำลังชมวิวกลางเรือสำราญที่แล่นในมหาสมุทร แถมหลายคนยังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพ

แต่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้หารู้ไม่ว่าการที่ผมชี้ฟูหรือผมตั้งกลางแจ้ง นั่นคือสัญญาณเตือนให้รีบหนีโดยด่วน

ล่าสุด คลิปดังกล่าวมียอดวิวแล้ว 11.9 ล้านครั้ง โดยมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย

โดยเตือนว่าเหตุการณ์ขนลุกและผมตั้งชี้ขึ้นกลางอากาศนี้ เพราะมีการปลดปล่อยประจุไฟฟ้าที่เกิดจากการเสียดสีของละอองน้ำในก้อนเมฆ ทำให้เกิดประจุแตกตัวหรือเกิดไฟฟ้าสถิตและอาการเหล่านั้นหมายความว่า ประจุไฟฟ้ากำลังสะสมอยู่บนตัว ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดฟ้าผ่าในเวลาอันใกล้

 

ก่อนหน้านี้ มีเหตุการณ์สาวรายหนึ่งกำลังเดินเล่นกับน้องแมว อยู่ดีๆ ผมเธอเกิดชี้ตั้งขึ้นมา และเธอต้องวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด เพียง 5 นาที ฟ้าก็ผ่าลงตรงจุดที่เธอเพิ่งถ่ายรูปไป

ซึ่งทาง ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ หรือ อ.เจษฎ์ ได้ออกมาให้ความรู้ว่า “ถูกต้องแล้วครับ หลักๆ คือ เวลาที่จะเกิดฟ้าผ่า อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของประจุไฟฟ้าบริเวณเหนือพื้นดิน และทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตแบบที่เรารู้สึกได้ เช่น ขนลุกชัน ผมตั้งชัน ได้

คำแนะนำคือ ให้หาที่หลบที่ปลอดภัย เช่นหลบเข้าในอาคาร เข้าไปในรถยนต์ (แล้วห้ามแตะตัวถังที่เป็นโลหะ)

หรือถ้าอยู่กลางที่โล่งแจ้ง ไม่มีที่หลบ ให้นั่งยองๆ ลงต่ำ

แต่อย่าไปหลบใต้ต้นไม้หรืออยู่ในกระท่อมกลางนา ฟ้ามักจะผ่าลงมาที่จุดที่โดดเด่นบริเวณ

(ปล . ส่วนเรื่องใส่โลหะ หรือใช้โทรศัพท์มือถือ แล้วจะล่อฟ้า อันนี้ไม่จริงครับ)

ปล. 2 มีคนสงสัยว่า แทนที่จะนั่ง ถ้าใช้เป็นวิธีนอนราบกับพื้นไป จะได้มั้ยครับ ? คำตอบคือ ควรจะต้องพยายามสัมผัสพื้นให้น้อยที่สุด และให้เกิดจุดห่างระหว่างอวัยวะที่สัมผัสพื้น 2 จุดให้น้อยที่สุด

คือตามสมมติฐานที่เชื่อกัน เวลาถูกฟ้าผ่าเนี่ย อันตรายที่ได้รับจริงๆ มักจะเป็นกระแสไฟที่วิ่งตามพื้นมาจากจุดที่ฟ้าผ่าลงมา ไหลเข้ามาที่ตัวเรา ทีนี้อันตรายจะเกิดขึ้นมากหรือน้อย จะขึ้นกับ “แรงดันไฟฟ้าช่วงก้าว (step voltage)” ซึ่งเป็นความต่างศักย์ที่ตกคร่อมระหว่างจุด 2 จุดของร่างกาย

ถ้ายิ่งทั้งจุด 2 จุดนี้อยู่ห่างกันมากเท่าไร (เช่น เราก้าวเท้ายาว ยืนบนพื้น โดยที่เท้าทั้งสองแยกห่างจากกัน) โอกาสที่จะเกิดแรงดันไฟฟ้าช่วงก้าว ก็จะมากตามไปด้วย ส่งผลให้กระแสที่ไหลมาตามพื้นเข้าสู่ตัวเรามากขึ้น

ดังนั้น ถ้านั่งยองๆ เท้าชิด แรงดันไฟฟ้าช่วงก้าวก็จะน้อยกว่าเวลานอนยาว (ซึ่งมีจุดสัมผัสพื้นห่างกันตั้งแต่หัวถึงเท้า)”