ครูสาว อายุ 30 ปี เข้าร้องเรียนสื่อมวลชน หลังถูกสามีซึ่งเป็นถึง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแห่งหนึ่ง จดทะเบียนสมรสและอยู่กินกันมา 3 ปี ทำร้ายร่างกาย แล้วยังตีตัวออกห่าง ทิ้งตนเองและลูกไว้พร้อมหนี้สิน

ครูสาวเล่าย้อนความว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 ขณะนั้นสามีดำรงตำแหน่งเป็นรอง ผอ.เขต ได้ส่งข้อความมาจีบ เอาอกเอาใจ จนตนหลงรักและตกลงคบหากัน จากนั้นกลางปี 2563 ตนเองตั้งท้อง แต่สามีให้ไปทำแท้ง แต่ตนทำทุกวิถีทางเพื่อให้เก็บลูกเอาไว้ ทางสามีกำลังจะสอบขึ้นเป็น ผอ.เขต เขากลัวจะกระทบตำแหน่ง จึงยอมไปจดทะเบียนสมรสกับตน และอยู่กินกันเรื่อยมา ต่อมาสามีได้ตำแหน่ง ผอ.เขต และเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ ชอบชวนทะเลาะ ไม่พาไปออกงาน ไม่เคยพาไปพบสังคม ทำเหมือนตนเป็นเมียน้อย แล้วจากที่สามีเคยมีความต้องการทางเพศสูงมาก มีเพศสัมพันธ์ไม่สนแม้ตนมีประจำเดือน ช่วงหลังมากลับไม่ยอมยุ่งด้วยเลย

จนกระทั่งเมื่อ วันที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ตนเองทะเลาะกับสามีเรื่องเงิน สามีพยายามจะขับรถออกจากบ้าน ทิ้งลูกทิ้งเมียไว้กับหนี้สิน ตนพยายามวิ่งไปห้ามจนถูกลากติดไปกับรถ ตนกระโดดขึ้นเกาะกระโปรงหน้ารถ ซึ่งสามีพยายามขับอย่างเร็ว แล้วเบรกให้ตนตกลงมาจากรถ จากนั้นได้ทุบตีทำร้ายร่างกายต่อหน้าแม่ของตน

ครูสาวได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.พระแสง ตั้งแต่เกิดเหตุไม่สามารถติดต่อสามีได้ มีเพียงเลขาฯ ของสามีที่ติดต่อมา และสามียังท้าให้ตนฟ้องหย่า จึงอยากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบพฤติกรรมสามีเพราะเกรงว่าจะใช้อำนาจ เส้นสาย หลบเลี่ยงความรับผิดชอบ รวมถึงให้หน่วยงานได้พิจารณาไตร่ตรอง เรื่องคุณธรรมจริยธรรมของสามีด้วย

ครูสาวคนดังกล่าว ยังได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีนายปัญญวัฒน์ รัตนคช นิติกรชำนาญการพิเศษ เป็นตัวแทนรับเรื่องไว้และจะนำเสนอผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอนต่อไป