ครูสาวแฉระบบเน่าเฟะในโรงเรียน ใช้เส้นเข้าทำงาน ทำร้ายเด็ก เอาเงินบริจาคไปเที่ยวคาราโอะเกะ

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอ เป็นภาพเหตุการณ์ครูดูแลหอพักนอนชายทำโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุ ด้วยการเตะไปที่กลางลำตัวของเด็กนักเรียนจนตัวลอย และยังใช้เท้าเหยียบที่ตัวเด็กด้วย พร้อมระบุข้อความว่า

“ข้าพเจ้า น.ส…. ครู คศ.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2566 เวลาประมาณ7.40 น. (หลังจากวันครู 1วัน) ได้เกิดเหตุการณ์ครูดูแลหอพักนอนชายทำโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นการทารุณกรรม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้าพเจ้าทราบในการกระทำครั้งนี้ และมีส่วนร่วมในการปกปิดเรื่องนี้ การกระทำดังกล่าวทำให้เด็กนักเรียนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาภาคบังคับไป

ข้าพเจ้าเอาเรื่องนี้มาเปิดเผยและพร้อมรับโทษทัณฑ์ที่กระทำผิดในทุกเรื่อง ที่ออกมาพูดในครั้งนี้เพราะหลายๆ เรื่องในหน่วยงานที่บีบบังคับให้ข้าพเจ้าต้องทำ เช่น เรื่องระบบอุปถัมภ์ของหน่วยงานตนเอง การเอาพวกพ้องมาทำงานโดยใช้เส้นสายไม่คำนึงถึงประโยชน์ของราชการ ระบบการคอร์รัปชันที่ข้าพเจ้ารับไม่ได้ โดยเฉพาะ เรื่องที่มีกลุ่มคนอ้างว่าไปราชการแต่กลับนำเงินบริจาคของโรงเรียนไปร้านคาราโอเกะ อ้างอิงจาก 1 ใน 3 คนที่ได้หลุดพูดตอนมึนเมาว่า “เสียดายจังที่ครูไม่ได้ไปด้วย ทั้งจับ จก ล้วง” และอีก 1 คน ที่พูดว่า “จองโรงแรมไม่ได้นอนเพราะอยู่ยันตี 5” รวมถึงยังบอกเล่าถึงการเช็กบิลว่า ใช้เงินไป 15,000 บาท ซึ่งนั้นเป็นเงินนอกจากบัญชีกองทุนสนับสนุนของโรงเรียนหรือที่เรียกว่าเงินบริจาค

ข้าพเจ้าจึงยิ่งรู้สึกผิดที่ผู้ใจบุญร่วมบริจาคมาเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายกับนักเรียน แต่มีกลุ่มบุคคลที่นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ไปใช้จ่ายเพื่อปรนเปรอกิเลสตัณหาของตัวเอง ข้าพเจ้าจึงขอโทษทุกท่านที่ร่วมบริจาคด้วยจิตอันเป็นกุศล ข้าพเจ้าพร้อมที่จะโดนปลดออกหรือไล่ออกจากราชการแต่จะยืนยันว่าจะไม่ลาออกเด็ดขาด (นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ข้าพเจ้าไม่รู้จะเขียนบรรยายยังไงให้พอกับความเน่าเฟะของคน และความไม่โปร่งใสนี้รวมถึงการเลือกปฏิบัติต่อลูกน้อง ข้าพเจ้ายินยอมแลกทุกอย่างแม้กระทั่งอนาคตหรือชีวิตเพื่อขอให้ระบบนี้มันไม่เน่าไปกว่านี้ ข้าพเจ้ารักในอาชีพครูแล้วก็พร้อมที่จะต้องไปเริ่มอาชีพใหม่ที่สุจริตด้วยเช่นกัน)

ส่วนการร้องเรียนหน่วยงานบังคับบัญชาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าจะได้รับความยุติธรรม เพราะ 1 ในบุคคลที่กระทำการดังกล่าวได้อ้างว่าตนเองมีความสนิทสนมเป็นอย่างดีโดยเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน กับ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา และรู้ฉายาของกันและกันดี ข้าพเจ้าจึงหวังว่าท่านจะช่วยข้าพเจ้าในการส่งเสียงของข้าราชการครูผู้น้อยที่ไม่มีเส้นสาย ให้เสียงนี้ดังไปถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ด้วยการช่วยข้าพเจ้าแชร์ลงเฟซบุ๊กของท่าน ขอบคุณค่ะ”