เกิดเหตุสลดลูกชายวัย 37 ปี เมาน้อยใจ ทำร้ายร่างกายพ่อ ทั้งเตะ ต่อย ถีบ ก่อนจับพ่อเหวี่ยงลงพื้นแล้วเตะซ้ำสองทีจนพ่อสลบ ก่อนที่ญาติๆจะเห็นเข้ามาช่วยแต่ไม่สามารถยื้อเอาไว้ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนสาเหตุคาดว่าน้อยใจที่พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน แบ่งเงินให้พี่สาวมากกว่า คิดว่ารักพี่สาวมากกว่า
เมื่อวานนี้ 23 พ.ค.66 ที่บ้านคึมชาด ต.ขนวน อ.หนองนาคำ จ.ขอนแก่น ญาติๆได้จัดสถานที่ เพื่อเตรียมจัดงานศพให้กับนายบุญเลี้ยง อายุ 71 ปี หลังถูกนายมนตรี อายุ 37 ปี ลูกชายแท้ๆของนายบุญเลี้ยง ได้ทำร้ายร่างกายเสียชีวิตเมื่อช่วงหัวค่ำเมื่อคืนที่ผ่านมา
นายขันทอง อายุ 58 ปี เล่าว่า ตนเองเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ในช่วงเกิดเหตุนั้นเป็นเวลาประมาณ 19.00น. ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้รวมกันอยู่ที่บ้าน จากนั้นแม่ของผู้ก่อเหตุได้เดินมาที่ถังน้ำแข็งเพื่อที่จะเอาน้ำดื่ม โดยมีนายมนตรีเดินตามหลังมา และมีท่าทางที่จะทำร้ายแม่จากนั้นนายบุญเลี้ยง เห็นท่าไม่ดีจึงได้เดินตามไป
และเมื่อเห็นว่าลูกชายจะทำร้ายแม่ จึงได้เข้าไปขวางทำให้นายบุญเลี้ยงซึ่งขณะนั้นอยู่ในอาการเมา ได้จับพ่อทุ่มลงกับพื้นถนน ก่อนที่นายมนตรีจะต่อยพ่อไปหลายครั้ง ก่อนที่พ่อจะลุกขึ้นแล้ววิ่งมาที่หน้าบ้าน จากนั้นนายมนตรีก็เข้ามาทำร้ายพ่อซ้ำอีกก่อนที่เพื่อนบ้านจะมาช่วยกันแยก
โดยตนเองได้กันตัวนายบุญเลี้ยงออกมา แล้วพาเดินออกไปที่ถนนกลางหมู่บ้าน ก่อนที่นายบุญเลี้ยงจะพูดประโยคสุดท้ายออกมาว่า “ปล่อยอ้ายโลด (ปล่อยพี่เลย)” จากนั้นนายบุญเลี้ยงก็ทรุดลงกับพื้นถนน
ตนเองและคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้นำร่างกลับมาที่บ้านของนายบุญเลี้ยงพร้อมกับปั๊มหัวใจ และประสานหน่วยกู้ชีพมาช่วยเหลือ แต่สุดท้ายนายบุญเลี้ยงก็สิ้นใจลง ส่วนนายมนตรีชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านได้ควบคุมตัวไว้ได้ ก่อนแจ้งตำรวจมาควบคุมตัว
ด้านนางเทวี อายุ 67 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุเล่าว่า ชนวนเหตุในครั้งนี้เกิดจาก นายบุญเลี้ยง ได้นรถยนต์ไปขายได้เงินจำนวน 40,000 บาท จากนั้นได้นำเงินมาแบ่งให้กับนายมนตรีลูกชายจำนวน 3,000 บาท และเงินที่เหลือเตรียมจะนำไปใช้หนี้ต่างๆ แต่นายมนตรีไม่พอใจและเข้าใจผิดว่า ได้นำเงินที่เหลือไปให้พี่สาวมากกว่าตนเอง แต่นายมนตรีเกิดความเข้าใจผิด
ซึ่งเมื่อวานนี้ นามนตรีได้ดื่มเหล้าตั้งแต่เช้าจนเมาเข้ามาบ้านช่วงเย็น เมื่อเจอพี่สาวก่อนที่จะพยายามเข้าไปทร้ายร่างกายพี่สาว แต่พี่สาวได้วิ่งหลบหนีไปได้จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00น. นายมนตรีจะเข้ามาทำร้ายตนเอง แต่นายบุญเลี้ยงซึ่งเป็นพ่อได้เข้ามาขวางก่อนจะถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต
ซึ่งเหตุการณ์ที่นายมนตรีทำร้ายคนในครอบครัวเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว แต่ครั้งทำร้ายจนคนที่เป็นพ่อแท้ๆจนเสียชีวิต ซึ่งนายมนตรีเวลาดื่มสุราก็จะมักมีเรื่องกับคนใสบ้านแต่เมื่อออกนอกบ้านก็จะไม่หาเรื่องคนอื่น เมามาก็จะมาลงกับแม่และกับพี่สาวเท่านั้น
นางเทวี กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ตนเองไปให้ปากคำกับตำรวจเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเอง ก็ไม่ได้ไปส่องดูลูกชายที่ถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด มีแต่พี่สาวที่เดินไปดูตัวนายมนตรีเท่านั้น ซึ่ง ตำรวจบอกว่าคดีนี้เป็นการทำร้ายพ่อจนเสียชีวิตมีความผิดหนัก ซึ่งจะต้องทำสำนวนที่รัดกุม ฃ
โดยอยากให้ตำรวจได้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะกลัวหากพ้นโทษออกมาเร็วจะกลับมา แล้วจะก่อเหตุฆ่าตนเองและพี่สาว ส่วนนอกจากที่ลูกชายชอบดื่มสุราทุกวันแล้ว ในเรื่องของยาเสพติดตนเองก็ไม่รู้ เพราะทุกวันลูกชายจะอยู่ที่นาเลี้ยงโคและดูข้าวนาปรัง และจะมาดูภรรยาที่เตรียมขายปลาหมึกย่างที่ตลาดเท่านั้น
ด้าน พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหนองนาคำ เปิดเผยว่า ในวันนี้ ร้อยเวรเจ้าของคดีจะยังมีการสอบปากคำพยานเพิ่มเติม ก่อนจะรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหากับนายมนตรี เบื้องต้นเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นซึ่งเป็นบุพการีเสียชีวิต” โทษจำคุก 3-20 ปี
ซึ่งเบื้องต้นนายมนตรีไม่ยินยอมที่จะมาชี้จุดเกิดเหตุ และหลังจากที่ร้อยเวรมีการสอบปากคำเสร็จ จะได้นำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดชุมแพต่อไป